CAAT- AOT- ทย. ต้นทุนพุ่ง จ่อขึ้นค่าธรรมเนียมการบิน ผู้โดยสารขาเข้า-ออกอ่วม

07 พ.ย. 2568 | 04:42 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ย. 2568 | 05:11 น.

CAAT นัดถกสมาคมสายการบิน หาข้อสรุปก่อนชงกบร.ไฟเขียว หลัง 3 หน่วยงานภาครัฐ CAAT ทอท. ทย. ขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบิน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลังไม่ได้ปรับมา 10 ปีแล้ว ย้ำต้องบาลานซ์ความจำเป็นสมดุลด้านค่าใช้จ่ายของหน่วยงาน สายการบินสามารถอยู่รอด ขณะที่ค่าโดยสารต้องมีความเป็นธรรมสมเหตุสมผล

CAAT-AOT-ทย.จ่อขึ้นค่าธรรมเนียมการบิน

ล่าสุด 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการบินของไทย อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมต่างๆด้านการบิน โดย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการเข้า หรือออกนอกประเทศ จาก 15 บาท เป็น 25 บาทต่อคนต่อเที่ยว

ขณะที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ขอปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) ระหว่างประเทศ มากกว่า 200 บาท ทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดเก็บธรรมเนียมการเดินทางแบบ Transit และปรับขึ้นค่าแลนด์ดิ้ง-ปาร์กกิ้ง ด้านกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ขอค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) สนามบินตรัง เพิ่มอีก 25 บาท 

นัดถกสมาคมสายการบิน หาข้อสรุปก่อนชงกบร.ไฟเขียว

พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า CAAT อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเสนอการขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับด้านการบินของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งต้องการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากไม่ได้ปรับขึ้นมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดย CAAT เตรียมจะเชิญสมาคมสายการบินประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบินต่างๆของไทย มาร่วมหารือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน

เนื่องจากการจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น การตัดสินใจจะต้องคำนึงถึงทุกด้าน ต้องมองสองด้าน ทั้งความจำเป็นของการเสนอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมของหน่วยงานต่างๆ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดย CAAT ต้องการหาจุดสมดุล (Balance) เพื่อให้สายการบินสามารถอยู่รอดได้ ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องได้รับความเป็นธรรมในเรื่องค่าโดยสาร และค่าเครื่องบินต้องมีราคาสมเหตุสมผล ซึ่งขณะนี้การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมต่างๆยังไม่ตกผลึก และยังไม่ได้มีการปรับแต่อย่างไร ต้องรอให้เกิดการประชุมร่วมกันก่อน จึงจะมีความชัดเจน ก่อนเสนอคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เพื่อพิจารณาต่อไป  

แผนการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบินของไทย

พล.อ.อ.มนัท กล่าวต่อว่า การหาจุดสมดุล เป็นเรื่องสำคัญ อาทิ หาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) จำเป็นต้องเพิ่มค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขาออก หรือ ค่า PSC เพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนขยายสนามบิน อาทิ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็อาจจะต้องพิจารณาลดค่าธรรมเนียมส่วนอื่น เช่น ค่าจอดเครื่องบิน(ค่าจอด) ลง เพื่อไม่ให้ราคาสูงขึ้นเพียงด้านเดียว

ย้ำการปรับขึ้นค่าขึ้นค่าธรรมเนียมต้องสะท้อนต้นทุน

ขณะเดียวกันการกำหนดตัวเลขค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องมีพื้นฐานมาจากข้อเท็จจริง และต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง อย่าง การปรับขึ้นค่า PSC ของทอท. CAAT ก็ได้แจ้งให้ทาง ทอท. กลับไปทำรายละเอียดต้นทุนให้ชัดเจนก่อน ซึ่งต้องรวมถึงต้นทุนปัจจุบัน และต้นทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การขยายเทอร์มินอล หรือแผนการก่อสร้างใหม่ ๆ ที่เป็นงบลงทุน

เช่นเดียวกับการในกรณีของ CAAT ก็มีแผนจะขอปรับค่าธรรมเนียมการเข้า หรือ ออกนอกประเทศ ที่เรียกเก็บจากผู้ดำเนินการเดินอากาศ โดยคำนวณจากผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามายังหรือออกไปจากประเทศ ปัจจุบันดำเนินการจัดเก็บในอัตรา 15 บาทต่อคนต่อเที่ยว มาตั้งแต่ปี 2558 อาจจะขอปรับเป็น 25 บาทต่อคนต่อเที่ยว เพื่อแก้ปัญหาสถานะการเงินของ CAAT

เนื่องจาก CAAT เป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร มีหน้าที่กำกับ ดูแล และควบคุมกิจการการบินพลเรือนของไทย ให้เป็นไปตามกฏหมายและมาตรฐานสากล ซึ่งองค์กรมีรายได้หลักจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ปัจจุบันมีเงินสะสมกองทุนราว 1,400 ล้านบาท สำหรับใช้หมุนเวียนจ่ายเงินเดือนพนักงานประมาณ 500 กว่าคน จ่ายค่าเช่าอาคาร ค่าอุปกรณ์เทคโนโลยี

 “CAAT ประสบปัญหาการขาดทุนจากการเก็บค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าทุน เพราะเป็นเวลากว่า 10 ปีที่ CAAT เก็บค่าธรรมเนียม 15 บาทต่อคนต่อเที่ยว ขณะที่ต้นทุนต่อผู้โดยสารปัจจุบันอยู่ที่ 19.34 บาทต่อคนต่อเที่ยว จากจำนวนผู้โดยสาร 72.42 ล้านคน ดังนั้นยิ่งผู้โดยสารเพิ่ม CAAT ก็ต้องนำเงินกองทุนขององค์กรที่มาใช้เพิ่ม เงินก็จะลดลงและไม่สามารถอยู่ได้ การพิจารณาปรับขึ้นของ CAAT ตั้งเป้าหมายแค่ขอให้เท่าทุน เพื่อให้คงสถานะการทำงานได้ และสามารถมีเงินหมุนเวียนเพื่อคงสถานะการทำงานได้ตามมาตรฐานการบิน โดยไม่ได้ต้องการเงินเพิ่มเพื่อขยายกิจการหรือสะสมกำไร”

CAAT ขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเป็น 25 บาท

เบื้องต้นจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ก็มีการประเมินว่า หากมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเป็น 25 บาท ก็จะสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้เพียง 3-4 ปีเท่านั้น หรือจะเท่าทุนในปี 2571 เท่านั้น ซึ่ง CAAT ยังไม่ต้องการ ขึ้นราคามากในอนาคตค่อยไปว่ากันอีกครั้ง โดยจริงๆแล้วตามกฏหมาย CAAT จะสามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้ถึง 4 รายการ แต่ CAAT เก็บค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ แค่รายเดียวมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

ทั้งยังไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆที่มีสิทธิเรียกเก็บได้ในอีก 3 รายการ คือ ค่าธรรมเนียมการทำการบินที่เรียกเก็บจากผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ทำการบินขึ้นลง ณ สนามบินสาธารณะใด ๆ ในประเทศ ค่าธรรมเนียมการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เรียกเก็บจากผู้ดำเนินการเดินอากาศที่รับขนสินค้า ค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่เรียกเก็บจากผู้ให้บริการหรือผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ จุดให้บริการใด ๆ ในประเทศ ตามอัตราร้อยละต่อลิตรที่สำนักงานประกาศกำหนด เพราะเกรงว่าท้ายที่สุดแล้ว ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นจะไปลงที่ผู้โดยสารผ่านราคาตั๋วอยู่ดี

ดังนั้น CAAT จึงปรับค่าธรรมเนียมเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ และการพิจารณาการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมของหน่วยงานต่างๆต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งประเทศไทยไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมมานานนับ 10 ปี และหากเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และสิงคโปร์ การจัดเก็บค่าธรรมเนียมด้านการบินของไทยยังถือว่าน้อยมาก แต่ไทยคงปรับขึ้นได้ไม่เท่ากับต่างประเทศ เพราะต้องคำนึงถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และ CAAT ต้องควบคุมให้เกิดความบาลานซ์ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการว่าเงินที่จะเรียกเก็บมีความเหมาะสมหรือไม่ หรือถ้าจำเป็นต้องปรับขึ้น ควรจะมีอัตราเท่าไหร่ พล.อ.อ.มนัท กล่าวทิ้งท้าย

ทอท.เสนอปรับค่าบริการผู้โดยสารขาออก หรือ ค่า PSC มากกว่า 200 บาท

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้ดำเนินการศึกษาที่จะขอปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge :PSC)เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดความสมดุลและมีเงินเหลือพอที่จะนำไปลงทุนเพื่อพัฒนาสนามบินต่อไปได้ โดยทอท.เสนอขอปรับขึ้นค่า PSC ผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 200 บาทต่อคน จากปัจจุบันผู้โดยสารระหว่างประเทศ จัดเก็บที่ 730 บาทต่อคน การจะขึ้นได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกบร.

ทั้งนี้ทอท.เสนอขึ้นค่า PSC ไปเพียงเรื่องเดียว ส่วนค่าธรรมเนียมการเดินทางแบบ Transit และการปรับขึ้นค่าแลนด์ดิ้ง-ปาร์กกิ้ง อยู่ระหว่างศึกษา ที่จะค่อยๆพัฒนาและปรับให้เป็นสากลในอนาคต ซึ่งการขึ้นค่า PSC จะคำนวณตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ( IATA) ปัจจุบันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เรียกเก็บอยู่ที่ 730 บาท

ขณะที่ท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ จัดเก็บค่า PSC อยู่ที่ 1,200 บาท ขณะที่สนามบินอื่นๆ ทั่วโลก เช่น สนามบินฮ่องกง สนามบินนาริตะ มีรายได้ของสนามบินประกอบด้วย 3 ส่วน ทั้งการเก็บขาเข้าและขาออก รวมถึง Transfer ด้วย โดยในต่างประเทศมีการเก็บประมาณ 200-600 บาทต่อหัว ทอท.ไม่เคยจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้มาก่อน