environment

คลื่นความร้อนถล่มยุโรป ไฟป่าลามเมดิเตอร์เรเนียนหนัก

ไฟป่าเผาแล้วกว่า 227,000 เฮกตาร์ทั่วยุโรป มากกว่าค่าเฉลี่ยช่วงเดียวกันรอบ 20 ปี หลายประเทศเร่งรับมือฤดูไฟป่าที่ยังไม่จบ สหประชาชาติเตือนโลกเสี่ยงไฟป่าแรงขึ้น

ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงในหลายประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนในเดือนนี้ โดยมีไฟไหม้ที่บีบให้ประชาชนหลายพันคนต้องอยู่แต่ในบ้านในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน และลุกลามไปถึงเมืองใหญ่อันดับสองของฝรั่งเศสอย่างมาร์กเซย

ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่กว่า 227,000 เฮกตาร์นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกันของสองทศวรรษที่ผ่านมาเกินสองเท่า ตามข้อมูลจากระบบสารสนเทศไฟป่าป่าไม้แห่งยุโรปของสหภาพยุโรป (EFFIS)

แม้ว่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ใช่ระดับที่สูงที่สุดในบันทึกของ EFFIS ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2002 โดยยุโรปมีฤดูไฟป้าที่รุนแรงเป็นพิเศษในปี 2003 และ 2017 ซึ่งในแต่ละปีไฟได้เผาผลาญพื้นที่มากกว่า 1,100,000 เฮกตาร์ เทียบเท่ากับขนาดของเกาะจาเมกา

ยังไม่ชัดเจนว่าปี 2025 จะเป็นปีที่ทำลายสถิติหรือไม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับว่าไฟป่าจะพัฒนาไปอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

จำนวนไฟป่าในยุโรปก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้เช่นกัน โดยมีการตรวจพบ 1,118 จุด ณ วันที่ 8 กรกฎาคม เทียบกับ 716 จุดในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของ EFFIS

คลื่นความร้อนในยุโรปเมื่อต้นเดือนนี้ได้กระตุ้นให้เกิดไฟป่ารอบพื้นที่เมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงในซีเรีย ซึ่งมีไฟเผาผลาญพื้นที่ป่ากว่า 3% ของประเทศ ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ

บนเกาะเอเวียและเกาะครีตของกรีซ ไฟป่าในเดือนนี้ได้บีบบังคับให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านของตน

แม้ยุโรปโดยรวมจะเห็นจำนวนไฟป่าเพิ่มขึ้นในปีนี้ นักวิทยาศาสตร์ที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่ากล่าวว่า ไฟในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนแม้จะรุนแรง แต่จนถึงตอนนี้ยังเกิดขึ้นเป็นจุดๆ

อะไรเป็นปัจจัยขับเคลื่อน

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ฤดูร้อนที่ร้อนขึ้นและแห้งแล้งขึ้นในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อไฟป่า เมื่อไฟเริ่มต้นขึ้นแล้ว พืชพรรณแห้งแล้งจำนวนมากและลมแรงในพื้นที่สามารถทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วและควบคุมไม่ได้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ความเสี่ยงนี้แย่ลง โดยสร้างสภาพพื้นฐานที่ร้อนและแห้งแล้งกว่าเดิม

ในประเทศที่มีพรมแดนติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจัยนี้มีส่วนทำให้ฤดูไฟป่าเริ่มขึ้นเร็วกว่าที่เคยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สร้างสถิติใหม่ในด้านความรุนแรงของไฟ และทำให้เกิดการเผาผลาญพื้นที่มากขึ้น

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่วนใหญ่จากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ได้ทำให้โลกอุ่นขึ้นประมาณ 1.3 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม

ยุโรปร้อนขึ้นในอัตราเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยโลกนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก

พื้นฐานที่ร้อนขึ้นนี้หมายความว่าอุณหภูมิสามารถพุ่งสูงขึ้นในช่วงคลื่นความร้อนได้มากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ทำให้คลื่นความร้อนเกิดบ่อยขึ้นเช่นกัน

เรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ขององค์การสหประชาชาติ

ช่วงที่เหลือของฤดูร้อน ประเทศต่าง ๆ กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับไฟป่าที่อาจรุนแรงยิ่งขึ้น EFFIS ระบุว่า อุณหภูมิที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดว่าจะเกิดขึ้นทั่วทั้งยุโรปในเดือนสิงหาคม ซึ่งหมายความว่า ความเสี่ยงจากไฟป่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตอนใต้และตะวันออก

แม้ยุโรปตอนใต้คาดว่าจะมีปริมาณฝนตามปกติ แต่ EFFIS ระบุว่า ส่วนอื่น ๆ ของทวีปคาดว่าจะมีสภาพอากาศที่แห้งแล้งกว่าปกติในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงจากไฟป่าเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอื่น ๆ

รัฐบาลกำลังพยายามปรับตัว กรีซได้จัดกำลังนักผจญเพลิงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18,000 คนในปีนี้ เพื่อเตรียมรับมือกับไฟป่าที่รุนแรง และได้ปรับยุทธวิธีการดับไฟและการลาดตระเวนเพื่อพยายามตรวจพบไฟได้เร็วขึ้นและลดความเสียหาย รัฐบาลระบุ

ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ไฟป่าเลวร้ายลงยังรวมถึงการจัดการป่าไม้

ประชากรในพื้นที่ชนบทที่ลดลงในประเทศต่าง ๆ รวมถึงสเปน เนื่องจากผู้คนย้ายไปอาศัยในเมือง ทำให้มีแรงงานน้อยลงในการเคลียร์พืชพรรณและป้องกันไม่ให้เชื้อเพลิงสะสมในพื้นที่ป่า

องค์การสหประชาชาติได้เรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ลงทุนมากขึ้นในด้านการป้องกัน แทนที่จะมุ่งเน้นแต่เพียงการตอบสนองหลังจากเกิดไฟป่า และเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะเพิ่มไฟป่ารุนแรงทั่วโลกขึ้นถึง 14% ภายในสิ้นทศวรรษนี้

การป้องกันไฟป่าสามารถรวมถึงการจุดไฟควบคุมล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน เพื่อเคลียร์เชื้อเพลิงที่ไฟสามารถลุกลามได้ และการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำและพีตแลนด์ องค์การสหประชาชาติกล่าว