In Brief
ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นประเด็นสำคัญของโลก การดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธรรมชาติกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ บริษัทต่างๆ จึงต้องเร่งหาทางออกเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างความยั่งยืนทั้งในระดับองค์กรและสังคม โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งต้องคำนึงถึงทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือการร่วมมือระหว่าง บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (NEO) ผู้ทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ของไทย และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (SCGP) ผู้ทำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ที่ได้ร่วมกันพัฒนา "กล่องบรรจุภัณฑ์ประเภทลังกระดาษลดคาร์บอน"
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050 การผนึกกำลังในครั้งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนขององค์กรและอุตสาหกรรมการผลิตในภาพรวม โดยการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างชัดเจน ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตสินค้าที่ใส่ใจโลกอย่างแท้จริง
นางสาว ปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ของ NEO กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า "การร่วมมือกับ SCGP ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero 2050 ของเรา"
นอกจากการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว NEO ยังมีการดำเนินการที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การลดการใช้น้ำและพลังงานในกระบวนการผลิต โดยได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ (ZERO Water Discharge) และลดการใช้ Virgin Plastic ลงถึง 22% เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ลดการปล่อยคาร์บอนของ SCGP ยังช่วยให้ NEO สามารถคำนวณและยืนยันคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำ โดยการคำนวณนี้จะมีการรับรองจากการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (CFP) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถวัดผลและยืนยันปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างชัดเจน
ผลลัพธ์จากความร่วมมือในครั้งนี้คือการที่ผลิตภัณฑ์จาก NEO สามารถได้รับการรับรอง CFP Declaration Certificate และได้รับฉลากการลดการปล่อยคาร์บอนที่บรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจในความยั่งยืนและสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น
นายเอกราช นิโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด SCGP กล่าวว่า ผลกระทบจากความร่วมมือครั้งนี้ว่า "การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจาก SCGP สามารถลดการปล่อยคาร์บอน 0.07 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อกล่อง โดยในปี 2567 SCGP ได้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ให้กับ NEO จำนวน 1,354,900 ชิ้น ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้รวม 94,843 กิโลกรัมต่อปี หรือคิดเป็นการลดลงถึง -8.75% จากปีที่ผ่านมา"
การลดการปล่อยคาร์บอนนี้เป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถของ SCGP ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งเสริมให้เกิดการตัดสินใจที่ชาญฉลาดในกลุ่มผู้บริโภค โดยสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมั่นใจ
การร่วมมือระหว่าง NEO และ SCGP ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทย ซึ่งทั้งสองบริษัทได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และมุ่งมั่นต่อเป้าหมายสูงสุดคือ Net Zero 2050 ซึ่งเป็นการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ NEO และ SCGP บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ยังเปิดโอกาสให้ทั้งสองบริษัทสามารถสร้างอิทธิพลในตลาดและช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีต่อโลกได้มากยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง