KEY
POINTS
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดผยในงาน IEEE PES GTD Asia 2025 ว่า นโยบายด้านพลังงานของประเทศให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
ซึ่งภาคพลังงานมีบทบาทสำคัญทั้งการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน งาน IEEE PES GTD Asia 2025 จึงเป็นเวทีที่ช่วยต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
"นี่เป็นโอกาสสำคัญที่สุดของไทยในการแสดงบทบาทผู้นำด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและดึงดูดการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน"
ศ. ดร.วีรกร อ่องสกุล ประธานการจัดงานประชุมและนิทรรศการนานาชาติฯ กล่าวว่า งานดังกล่าวเป็นการต่อยอดและสืบทอดความยิ่งใหญ่ที่มีประวัติการจัดมายาวนานในทวีปอเมริกา การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้เปิดโอกาสสำคัญให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกและนวัตกรรมด้านพลังงานในระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง ท่ามกลางความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จึงเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้นำในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงาน ทั้งผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัยจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และแสวงหาแนวทางในการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งเนื้อหาหลักของงานครอบคลุม 3 เสาหลักที่เชื่อมโยงถึงกันของระบบพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ 1.การผลิตไฟฟ้า ซึ่งเน้นเทคโนโลยีสะอาดและยืดหยุ่น ,2.การส่งและจำหน่าย ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบให้เป็น Smart Grid และการจัดการการไหลของไฟฟ้าสองทิศทาง และ 3.การบูรณาการพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน
ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช นายกสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) และผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทยผ่านนวัตกรรม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการผสานเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและพลังงานอัจฉริยะเข้าด้วยกัน เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
โดยมีกรอบวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับหลัก ESG ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างโปร่งใส โดยความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญและผู้เข้าร่วมจากนานาประเทศในครั้งนี้ จะช่วยกำหนดทิศทางระบบไฟฟ้าในยุคใหม่ ทั้งในมิติของการผสานพลังงานหมุนเวียน การยกระดับโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการเร่งเดินหน้าเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น