In Brief
ในงาน Sustainability Forum 2026 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2568 โดย กรุงเทพธุรกิจ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ถือเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอความคิดและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาว ทั้งในภาคธุรกิจและชุมชน
การพัฒนาความยั่งยืนในระดับประเทศถือเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งในงานนี้ เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ และ AIS ได้มีโอกาสนำเสนอแนวคิดและโครงการต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย แต่ยังคำนึงถึงการลดผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการของ เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า การพัฒนา Sustainable Living หรือการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเสนาไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงแค่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังมุ่งหวังที่จะสร้าง Sustainable Community หรือชุมชนที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
การมุ่งเน้นความยั่งยืนของเสนาเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเริ่มพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการออกแบบตามหลักการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง ปัจจุบัน เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ มีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวจำนวนมากกว่า 100 โครงการ ซึ่งทุกโครงการมีการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ การจัดการขยะ และการพัฒนาโครงการในลักษณะที่สามารถลดผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้สูงสุด
เสนาได้นำแนวคิด Smart City มาปรับใช้ในระดับที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการ Smart Life ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและทรัพยากร รวมถึงการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ โดยเสนาเน้นย้ำว่า Smart Life ต้องสามารถเข้าถึงได้จริงและคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ โครงการของเสนาจึงมีราคาที่สามารถจับต้องได้และตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคทุกระดับ
หนึ่งในความท้าทายที่เสนาเผชิญคือการทำให้โครงการ Zero Energy Housing ที่ใช้พลังงานสะอาดมีราคาที่ย่อมเยาและสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาวน์เฮาส์ที่มีราคาประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารสูงถึง 70%-80% เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อไม่สูงมักไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
แม้จะมีความท้าทายด้านราคาที่สูง เสนาเชื่อว่าโครงการ Zero Energy Housing เป็นโครงการที่สามารถช่วยลดค่าไฟและช่วยผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีความจำเป็นต้องใช้พลังงานสะอาดเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ กล่าวว่าบทบาทของ Intelligent Technology หรือเทคโนโลยีอัจฉริยะในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยเน้นว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะนั้นเป็น enabler หรือปัจจัยที่สำคัญในการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสร้างประสิทธิภาพในภาคธุรกิจต่าง ๆ
AIS เชื่อว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะสามารถช่วยสนับสนุนภาคส่วนต่าง ๆ ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนา Smart Home, Smart Energy, และ Smart Transportation ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนา Smart Mobility ซึ่งเป็นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะไฟฟ้า เช่น EV Shuttle ซึ่งช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในเมืองใหญ่ โดยการให้บริการนี้ผู้ใช้งานสามารถติดตามตำแหน่งของรถรับส่งได้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมระบบการขนส่งที่ยั่งยืนในเมือง
AIS ยังได้ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 25,000 ตันเทียบเท่าคาร์บอน ในปี 2023 และมีการใช้พลังงานหมุนเวียนถึง 37% ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
นอกจากนี้ AIS ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) โดยเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้มากถึง 1.2 ล้านชิ้น และตั้งจุดเก็บ E-waste ถึง 3,000 จุด
ทั้ง เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ และ AIS ได้เน้นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันข้ามอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาโครงการและเทคโนโลยีที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงการดำเนินงานของทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน
ทั้งสององค์กรได้แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันข้ามอุตสาหกรรมในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้พลังงานสะอาดและการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในการลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและบริการต่าง ๆ ทั้งนี้ การร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง