กฟผ.กางแผนลุยพลังงานหมุนเวียน เตรียมตัวสู่ Net Zero 2050

03 ธ.ค. 2568 | 08:55 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2568 | 08:58 น.

กฟผ.กางแผนกำหนดกลยุทธ์ เตรียมตัวสู่ Net Zero 2050 เปลี่ยนรูปแบบการผลิตไฟฟ้าสู่พลังงานหมุนเวียน เตรียมความพร้อมหาก SMR โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ถูกบรรจุในแผน PDP ฉบับใหม่

วันนี้ (3 ธันวาคม 2568) นายเอกรัฐ สมินทรปัญญา ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยในงานสัมมนา SUSTAINABILITY FORUM 2026 หัวข้อ Special Talk: EGAT’s Path to a Sustainable Energy Future จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า ขณะนี้ กฟผ. ได้กำหนดกลยุทธ์ "Triple S" เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางในการขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของประเทศ ในปี 2050

สำหรับกลยุทธ์ Triple S เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทาง Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ของประเทศ กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยสามด้านหลัก ดังนี้

ด้านแรก Sources หรือแหล่งผลิต ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าฟอสซิลที่มีกระบวนการเผาไหม้ไปสู่พลังงานหมุนเวียนให้มากยิ่งขึ้น

ด้านที่สองคือ Sinks หรือการดูดซับ ซึ่งเป็นการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในบรรยากาศเพื่อจัดเก็บและลดปริมาณจากระบบให้มากที่สุด

ด้านสุดท้ายคือ Support หรือการสนับสนุน ซึ่งเป็นการสนับสนุนกิจกรรมของผู้บริโภคและผู้ใช้ไฟฟ้าให้ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

นายเอกรัฐ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในระบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศอยู่ที่ประมาณ 20% โดยแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าหลักยังคงมาจากก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน รวมถึงพลังงานน้ำจากเขื่อน กฟผ. และพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ เช่น โซลาร์เซลล์และกังหันลม

อย่างไรก็ตามแนวโน้มของโลกและทิศทางพลังงานของไทยกำลังมุ่งไปสู่พลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยในการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ฉบับปรับปรุงใหม่ว่ามีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจาก 26% เป็น 51% สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในภาคพลังงานของประเทศในอนาคต

ในส่วนของแหล่งผลิต กฟผ. จะดำเนินการผ่านโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำหรือ Floating Solar ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญที่ กฟผ. ดำเนินการในขณะนี้ รูปแบบโครงการคือการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำในบริเวณผิวอ่างเก็บน้ำ ข้อดีของโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำคือไม่ต้องซื้อที่ดินแต่ใช้ประโยชน์จากบริเวณผิวอ่างเก็บน้ำในเขื่อน กฟผ. ที่มีอยู่แล้วทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ยังช่วยลดการระเหยของน้ำจากอ่างเก็บน้ำโดยตรงทำให้มีน้ำใช้มากขึ้น โครงการนี้ยังกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะที่โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำสิรินธรจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งช่วยให้ชุมชนรอบพื้นที่โครงการมีโอกาสขายสินค้าพื้นเมือง โดยปัจจุบันโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 2 โครงการจากจำนวนทั้งหมด 16 โครงการ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพลังงานหมุนเวียนมีความผันผวน เช่น โซลาร์เซลล์ซึ่งผลิตได้น้อยเมื่อไม่มีแสงแดดหรือฝนตก และกังหันลมที่ขึ้นอยู่กับสภาพลม กฟผ. จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมความเสถียรของระบบไฟฟ้า เทคโนโลยีแรกคือโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับหรือ Pumped Hydro Storage ซึ่งทำงานโดยการนำไฟฟ้าส่วนเกินในช่วงกลางวัน เช่น จากโซลาร์เซลล์ มาสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำด้านล่างขึ้นไปเก็บไว้ในอ่างด้านบน เมื่อถึงช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง เช่น กลางคืนที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศหรือชาร์จรถยนต์จำนวนมาก จะปล่อยน้ำจากอ่างบนลงมาผลิตพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ 

รวมทั้งเทคโนโลยีที่สองคือระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่หรือ Battery Energy Storage System ซึ่งเรียกย่อว่า BESS มีการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อช่วยเสริมระบบเมื่อเกิดความผันผวนของพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน ตัวอย่างการติดตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดลพบุรี นอกจากนี้ยังมีโครงการ Smart Grid ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่สามารถผลิตและอยู่ได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งระบบใหญ่

นายเอกรัฐ กล่าวถึงเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าในอนาคตที่ กฟผ. ให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลภาวะเนื่องจากไม่มีกระบวนการเผาไหม้ เทคโนโลยีแรกคือ SMR หรือ Small Modular Reactor ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่มีการออกแบบเพื่อแก้ไขและลดข้อกังวลด้านความเสี่ยงและความปลอดภัยที่เคยเกิดในอดีต เนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์มีขนาดเล็กลง อุปกรณ์หลักที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์จึงสามารถผลิตและประกอบในรูปแบบเซตสำเร็จรูปที่โรงงานได้

ทั้งนี้ทำให้การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยทำได้ง่ายกว่าและดีกว่าการประกอบชิ้นส่วนใหญ่ที่หน้างาน กฟผ. ได้ส่งพนักงานไปเรียนรู้และอบรมเทคโนโลยี SMR ของหลายประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมหาก SMR ถูกบรรจุในแผน PDP ฉบับใหม่ เทคโนโลยีที่สองคือโรงไฟฟ้าพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกมองว่าน่าจะเป็นประโยชน์เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยมลสารใด ๆ ออกมาในกระบวนการผลิต

ส่วนการดูดซับ นอกเหนือจากการใช้เทคโนโลยี Carbon Capture Storage หรือ CCS แล้ว กฟผ. ยังใช้พื้นที่ป่าไม้และต้นไม้บริเวณรอบโครงการต่างๆ เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยเช่นกัน การใช้พื้นที่สีเขียวเหล่านี้เป็นกลไกธรรมชาติในการลดคาร์บอนในบรรยากาศควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้วย