In Brief
ข้อมูลจาก "คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ" สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน) หรือ สสน. ได้สรุปรายงานสถานการณ์น้ำ โดยระบุถึงในแม่น้ำสายหลักและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ เวลา 12.00 น. ของวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
โดยพบว่าปริมาณน้ำกักเก็บโดยรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง และหลายพื้นที่ในภาคกลางยังเผชิญกับภาวะน้ำล้นตลิ่งที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องรับมือกับอิทธิพลของพายุโซนร้อน "คัลแมกี"
ภาพรวมปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศมีรวมกันทั้งสิ้น 63,809 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคิดเป็น 90% ของความจุ โดยเป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 40,270 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์น้ำปานกลางถึงน้ำมาก
ปัจจุบัน มีเขื่อนขนาดใหญ่รวม 13 แห่ง ที่มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ในเกณฑ์น้ำมาก (≥ 97%) ได้แก่
สำหรับเขื่อนหลัก 4 แห่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีการระบายน้ำรวมแล้ว 233 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำใช้การนี้ยังคงเพียงพอสำหรับการใช้น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศอีก 176 วัน จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2569 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดฤดูแล้ง
ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยถึงปานกลาง ส่วนภาคตะวันออกและภาคใต้ก็มีระดับน้ำน้อยถึงปานกลางเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาคกลาง มีระดับน้ำปานกลางถึงน้ำมาก และยังคงมีรายงานน้ำล้นตลิ่งในหลายจุด โดยแบ่งตามลุ่มน้ำที่ประสบภาวะน้ำล้นตลิ่งและมีแนวโน้มระดับน้ำสูงขึ้นดังนี้:
1. ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกจุด)
แม่น้ำเจ้าพระยา มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดชัยนาท บริเวณตำบลธรรมามูล และตำบลโพนางดำออก จังหวัดสิงห์บุรี ที่ตำบลพรหมบุรี จังหวัดอ่างทอง ที่ตำบลบางแก้ว และในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ตำบลบ้านป้อม และตำบลขนอนหลวง
แม่น้ำน้อย มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณตำบลหัวเวียง และตำบลบางหลวงโดด
คลองบางบาล มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณตำบลสะพานไทย และตำบลไทรน้อย
คลองโพธิ์ มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณตำบลบ้านกรด
แม่น้ำลพบุรี มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณตำบลโพธิ์สามต้น
2. ลุ่มน้ำท่าจีน (ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น)
แม่น้ำสุพรรณ มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรี บริเวณตำบลท่าพี่เลี้ยง โดยมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น
แม่น้ำท่าจีน มีน้ำล้นตลิ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรี บริเวณตำบลบางตาเถร และจังหวัดนครปฐม บริเวณตำบลนครชัยศรี และตำบลบางไทรป่า โดยมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น (ยกเว้นจุดที่ ตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน ที่มีแนวโน้มระดับน้ำทรงตัว)
คลองสองพี่น้อง ที่จังหวัดสุพรรณบุรี มีน้ำล้นตลิ่งและมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น
3. ลุ่มน้ำสะแกกรัง (ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น)
แม่น้ำตากแดด ที่ตำบลโคกหม้อ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี มีน้ำล้นตลิ่งและแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น
แม่น้ำสะแกกรัง ที่ตำบลอุทัยใหม่ จังหวัดอุทัยธานี มีน้ำล้นตลิ่งและแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น
4. พื้นที่อื่น ๆ ที่ยังมีน้ำล้นตลิ่ง (น้ำท่วมขัง)
มีการรายงานน้ำล้นตลิ่งในแม่น้ำปิง จังหวัดตาก และคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร
ลุ่มน้ำชี: ลำเชิญ ที่ตำบลดงบัง จังหวัดชัยภูมิ มีน้ำล้นตลิ่งและแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น ส่วน น้ำพรม ที่จังหวัดชัยภูมิ มีน้ำล้นตลิ่ง แต่แนวโน้มระดับน้ำลดลง
ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำแม่วงก์: แม่น้ำยม ที่ตำบลบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก มีน้ำล้นตลิ่ง แต่แนวโน้มระดับน้ำลดลง เช่นเดียวกับ แม่น้ำแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร ที่แนวโน้มระดับน้ำลดลง
ลุ่มน้ำแม่กลอง: ลำตะเพิน จังหวัดกาญจนบุรี มีน้ำล้นตลิ่ง แต่แนวโน้มระดับน้ำลดลง
ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน: คลองปากกิ่ว ที่ตำบลวัง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีน้ำล้นตลิ่งและแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบน้ำล้นตลิ่งที่ แม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ คลองหัวตรุด
วันนี้ (6 พ.ย. 68) เวลา 13.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 66 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังอิทธิพลจากพายุ “คัลแมกี”อาจส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 7 – 9 พ.ย. 68
โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (322/2568) ประกาศ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 แจ้งว่า พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” บริเวณทะเลจีนใต้ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลาง ระหว่างวันที่ 6 – 7 พฤศจิกายน 2568 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชันตามลำดับ
ซึ่งจากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี” ส่งผลให้ระหว่างวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือตามลำดับ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ดังนี้
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ในระหว่างวันที่ 7 – 9 พฤศจิกายน 2568 แยกเป็น
ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานีสกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี
ภาคกลาง จำนวน 23 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรปราการ
ภาคใต้ จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และจังหวัดสตูล
กรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขัง
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ในระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568
ภาคใต้ จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอสุขสำราญ และอำเภอกะเปอร์) จังหวัดพังงา (อำเภอเกาะยาว อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอคุระบุรี) จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ) จังหวัดกระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอคลองท่อม อำเภอเกาะลันตา อำเภอเหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) จังหวัดตรัง (อำเภอกันตัง อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอหาดสำราญ) และจังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล อำเภอละงู อำเภอท่าแพ และอำเภอทุ่งหว้า)
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 66 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง พื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัยให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนบริเวณชายฝั่งทะเล ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลโดยเด็ดขาด และให้แจ้งชาวเรือ ผู้บังคับเรือ และผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ให้พิจารณาห้ามเดินเรือเด็ดขาด พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถ ติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน "THA DISASTER ALERT" ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ1784" โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง