30 มีนาคม 2566 - ในงานสัมนา GO GREEN 2023 Business Goal to the Next Era ซึ่งจัดโดยสื่อเครือเนชั่น กรุงเทพธุรกิจ นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้การยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวบนเวที : Business Big Move ขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว ว่า ปัจจุบันยังเป็นเรื่องท้าทายของภาครัฐ และเอกชน ในการปรับตัว เฟ้นหาพลังงานสะอาด ภายใต้โลกที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจาก "วิกฤติโลกร้อน" จนทั่วโลกตั้งเป้าหมายสำคัญ ช่วยการลดการพึ่งพาการใช้พลังงานจากถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ โดยปัจจุบันนั่น ต้องยอมรับว่า "พลังงานไฟฟ้า" เป็นส่วนหนึ่งราว 2-5% ของการดำเนินธุรกิจต่างๆ แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้า มากถึง 10-15% แต่ก็เป็นส่วนน้อย
ซึ่งในบริบท "ธุรกิจสีเขียว" ของกฟผ.นั้น ขณะนี้กำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ 3 เป้าหมายด้วยกัน ได้แก่ 1.การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะ การเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้ารูปแบบใหม่ เน้นเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และพลังงานสะอาด จากเดิมเราพึ่งพาการผลิต 65% จากแก๊สธรรมชาติ , 20% จากถ่านหิน และอีก 15% เป็นกลุ่มพลังงานสะอาด เช่น ไฮโดร น้ำ ลม เป็นต้น
2.การเพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม เช่น โครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่ร่วมกับพันธมิตร ปีละ 1 แสนไร่ ระหว่างปี 2565 – 2574 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และ 3. การสนับสนุนโครงการชดเชยและหลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอน เช่น โครงการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อสังคมสีเขียว/ Smart Energy Consultants/ บ้านและอาคารเบอร์ 5 , โรงไฟฟ้าชุมชน/ โรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เป้าหมายสำคัญของ กฟผ. คือ การผลักดันโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน ปัจจุบันกำลัง สำรวจ พื้นที่ 10 เขื่อนของ กฟผ. พบมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้ากว่า 10,000 MW ในโครงการ EGAT Hydro – Floating Solar Hybrid Project เพื่อช่วยลดข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียน ช่วยเพิ่มเสถียรภาพ ของระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"เป็นโอกาสในกาสนับสนุนการใช้งานอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศ (Local Contents) กระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการจ้างงาน สร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศ"
อีกทั้ง กฟผ.ยังเดินหน้า ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ ผลิต Green Hydrogen และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์ ร่วมกับพันธมิตรด้วย พร้อมแสวงหาโอกาสทำธุรกิจเพื่อลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิด ออกไซด์แบบแข็ง และเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า อีกด้วย
ท้ายที่สุด กำลังพัฒนา เครือข่ายการให้บริการอัดประจุไฟฟ้า และคิดค่าใช้จ่ายแบบ “ข้ามโครงข่าย” สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นกระแสความต้องการอยู่ในขณะนี้ โดยจะเชื่อมโยงข้อมูล EV กับศูนย์ข้อมูลด้านพลังงานแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า มั่นใจว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการลดคาร์บอนอย่างแท้จริง จากไฟสีเขียว ที่มีต้นทางมาจากพลังงานสะอาดของ กฟผ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง