80 เอกชน-ประชาสังคม เห็นพ้องสร้างธุรกิจเป็นธรรมและยั่งยืน

06 มี.ค. 2566 | 07:39 น.

เอกชนพร้อมภาคประชาสังคมกว่า 80 ราย ร่วมประชุม Asia Inclusive & Responsible Business Forum หนุนความร่วมมือบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับโมเดลธุรกิจอย่างจริงจัง สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและโลก

อ็อกแฟม อินเตอร์เนชั่นแนล (Oxfam International) ดึงผู้นำภาคธุรกิจ กลุ่มประชาสังคมจากจากเอเชีย และหน่วยงานระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุมกว่า 80 ราย จัดการประชุม Asia-IRB Forum  เปิดเวทีหารือสร้างประโยชน์จากการจ่ายค่าจ้างที่เหมาะสม ส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง การมีส่วนร่วมและการปรับตัวเพื่อสร้างการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนและส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน้อยที่สุด 

80 เอกชน-ประชาสังคม เห็นพ้องสร้างธุรกิจเป็นธรรมและยั่งยืน

นายจักรชัย โฉมทองดี องค์การอ็อกแฟม ประจำภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทในเอเชียเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงแรงผลักดันด้านสิ่งแวดล้อมและความเป็นธรรมทางสังคมในระดับโลก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ บริษัทต่างๆ ควรก้าวข้ามรูปแบบ CSR ลักษณะเดิมๆ แบบโครงการสั้นๆ แล้วจบไป หากแต่ควรผนวกรวมมิติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เป็นส่วนประกอบสำคัญของโมเดลทางธุรกิจ

“อ็อกแฟมตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากธุรกิจต่างๆ ในการลดความยากจนทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทจำนวนมากก็มีส่วนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันมากขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ในช่วงที่เกิดโรคระบาด งานวิจัยของอ็อกแฟม เรื่อง ‘Not in This Together’ ได้ชี้ให้เห็นว่า ระบบธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมนำไปสู่ผลกำไรของบริษัท ในขณะที่แรงงานในห่วงโซ่อุปทานอาหารกลับต้องดิ้นรนเพื่อรักษางานของตนไว้

 

งานประชุมนี้เน้นให้เห็นถึงวิธีการที่บริษัทเอกชนขนาดและรูปแบบต่างๆ จากไทยไปจนถึงไนจีเรีย จะสามารถและได้นำกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความสำคัญกับมนุษย์และโลกมาใช้มากขึ้นโดยไม่กระทบกับผลประกอบการทางการเงินของบริษัทเหล่านั้น” 

 

กุนธี กัน รองประธาน AMRU Rice Cambodia ผู้ผลิตและส่งออกข้าวอินทรีย์รายใหญ่ของกัมพูชา หนึ่งในวิทยากรภาคเอกชน 15 รายที่อยู่บนเวทีร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตัวอย่างแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมว่า “เรากำลังพยายามสร้างระบบนิเวศที่ทุกคนในห่วงโซ่อุปทานได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ส่งเสริมผลประโยชน์ทางการค้าที่เป็นธรรมมากขึ้นสำหรับเกษตรกรผ่านการเป็นเจ้าของหุ้นโดยตรง 

 

โดยให้ราคาที่เป็นธรรม และค่าพรีเมี่ยมสำหรับพืชผลผ่านข้อตกลงการจัดหา เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคประชาสังคมเพื่อสนับสนุนความหลากหลายในการเพาะปลูกซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ เรายังส่งเสริมเทคนิครับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพของภูมิอากาศให้กับเกษตรกรด้วย ซึ่งรวมถึงการใช้โรงเรือนและการปลูกพืชแซม เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์”

 

ด้าน ปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคด้านความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยน บริษัทแปรรูปและส่งออกอาหารทะเลระดับโลก กล่าวถึงความร่วมมือกับภาคประชาสังคมในระดับโลกและระดับท้องถิ่นเพื่อการพัฒนา ว่า "เราได้รับประโยชน์จากความรู้ของภาคประชาสังคมในการสนับสนุนการตรวจสอบและการสร้างขีดความสามารถที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานของเรา และเรายังได้ทำสัญญากับเรือประมงเพื่อส่งเสริมการใช้แรงงานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย การทำงานร่วมกันเป็นพื้นฐานในการสร้างโมเดลธุรกิจที่มีส่วนร่วมและยั่งยืน เราจำเป็นต้องร่วมมือกับทุกคน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และลูกค้า” 


 

นอกจากนี้ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) จำนวนมากถือเป็นแหล่งอาชีพของฐานประชากรในภูมิภาคเอเชีย โดย SME แต่ละรายมีศักยภาพในการดำเนินการส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น ทั้งนี้ ภิรมย์ ดีพรรณ ซีอีโอของ MUCH Mobile Healthcare (กัมพูชา)  เปิดเผยว่านอกจากบริษัทจะเป็นสตาร์ทอัพด้านบริการสุขภาพในกัมพูชาที่ประสบความสำเร็จในปรับปรุงการดูแลผู้สูงอายุและมอบการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงผ่านคลินิกเคลื่อนที่แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินการปฏิรูปเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานหญิงอีกด้วย

“การลงทุนในสตาร์ทอัพด้านการดูแลสุขภาพมีผลกระทบทางสังคมอย่างมาก ความสำเร็จของเรา [ธุรกิจ] นำไปสู่ผลลัพธ์ด้านสุขภาพและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชุมชนที่ด้อยโอกาส ซึ่งนำไปสู่การกระจายทรัพยากรด้านการดูแลสุขภาพที่เท่าเทียมกันมากขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ”


ขณะที่จอย บามิเดล ซีอีโอของ Jaebee Furniture (ไนจีเรีย)  กิจการเพื่อสังคมในไนจีเรียที่ปฏิบัติตามรูปแบบกิจการเพื่อสังคม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างโลกที่มีส่วนร่วมและเท่าเทียมกันมากขึ้น นอกเหนือจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แล้ว พวกเขายังเปิดสถาบันการศึกษาเพื่อฝึกอบรมและสอนผู้คนเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของตนเอง เปิดเผยว่า 

 

“เราทราบดีว่าการลงทุนด้านการศึกษาและการจ้างงานผู้หญิงมีความสำคัญมากในการสร้างผลกระทบทางสังคม เรามุ่งมั่นที่จะเป็นเวทีสำหรับผู้หญิงที่ด้อยโอกาสในชุมชนของเรา และนำหญิงสาวที่ออกจากโรงเรียนมาเข้าสู่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของเรา การดูแลผู้คนในชุมชนทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและเพิ่มผลกำไรได้ แนวทางของเราคือการช่วยเหลือผู้คน เพราะเรารู้ว่าเมื่อเราช่วยเหลือผู้อื่น เราทุกคนจะได้รับประโยชน์” 



การประชุมนี้ได้ข้อสรุปว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะมุ่งมั่นทำงานต่อไปเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่มีความเท่าเทียม สำรวจโอกาสต่างๆ และดำเนินการเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอื่นๆ ในการให้ความสำคัญกับจุดมุ่งหมายด้านความเป็นธรรม และความยั่งยืนเท่าๆ กับผลกำไรเพื่อสร้าง 'เศรษฐกิจฐานมนุษย์' ที่เป็นระบบเศรษฐกิจที่หนุนเกื้อต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน