NRF ผุดธุรกิจใหม่ มุ่งสู่ S-curve ลดคาร์บอนถาวร ด้วยไบโอคาร์บอน

30 พ.ย. 2565 | 12:57 น.

NRF มุ่งสู่ S-curve ใหม่ ช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดคาร์บอนถาวร ตั้งบริษัท "350 คอร์ปอเรชั่น" ร่วมลงทุนบริษัท ฟอนต์ไลน์ในอเมริกา นำเทคโนโลยีลดคาร์บอนถาวร สร้างคาร์บอนเครดิตมูลค่าสูง พร้อมสนับสนุนเกษตรกร เสริมประสิทธิภาพเกษตรกรรม

จากงานสัมมนา Sustainability Forum 2023 ของเครือเนชั่น ในช่วง Special Talk : องค์กรวิถีนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า จากปัญหาก๊าซเรือนกระจกที่หลายองค์กรต่างขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย NET ZERO ในส่วนของ NRF ได้ขยายการลงทุนใหม่ โดยการจัดตั้งบริษัท 350 คอร์ปอเรชั่น โดยลงทุนด้านเทคโนโลยีจากบริษัท ฟอนต์ไลน์ ไบโอเอ็นเนอร์จี้ในสหรัฐอเมริกา เพื่อลดคาร์บอนถาวร ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

"เราเข้าไปลงทุนในบริษัทในอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีดีที่สุดในโลก ไม่ปล่อย ppm ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคาร์บอนจากการแปรรูป ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถลดคาร์บอนได้แบบถาวร" 

 

NRF ผุดธุรกิจใหม่ มุ่งสู่ S-curve ลดคาร์บอนถาวร ด้วยไบโอคาร์บอน

เทคโนโลยีนี้มีวงจรลักษณะเดียวกับ BCG เริ่มจากไบโอแมสที่เกษตรกรเอาไปเผาหรือทิ้ง ซึ่งมีเป็นหมื่นล้านตันต่อปี โดยในไทยมีประมาณ 17-20 ล้านตันต่อปี บริษัทฯ ได้จ้างเกษตรกรขนไบโอแมสมาที่โรงงาน แปรรูปออกมาเป็นไบโอคาร์บอน หลังจากนั้น สามารถนำมาดำเนินการได้ 2 ลักษณะ คือ

NRF ผุดธุรกิจใหม่ มุ่งสู่ S-curve ลดคาร์บอนถาวร ด้วยไบโอคาร์บอน

1. นำไปให้กับเกษตรกร ที่สามารถนำไปโรยในไร่ ก็จะได้คาร์บอนเนกาทีฟ ซึ่งจากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ จะทำให้ประสิทธิภาพของดินดีขึ้นถึง 30% และทำให้ดินสามารถดูดซึมน้ำได้ดีขึ้น 2-3 เท่า

2. นำไปผสมกับซีเมนต์ ซึ่งขณะนี้กำลังคุยกับบริษัทในยุโรปอยู่

NRF ผุดธุรกิจใหม่ มุ่งสู่ S-curve ลดคาร์บอนถาวร ด้วยไบโอคาร์บอน

นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างคาร์บอนเครดิต ที่สามารถนำไปขายได้ในราคาที่สูง 

นายแดน กล่าวว่า วันนี้โลกจำเป็นต้องไปสู่ Carbon Removal หรือการลดคาร์บอนแบบถาวร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เพราะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 30% จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก

 

ภายใน 2030 โลกเราต้องลดคาร์บอน และเอาคาร์บอนไปฝังแบบถาวร ตอนนี้เราต้องลดแต่ประมาณปีละหมื่นล้านตัน สมมุติคูณสิบดอลล่าร์สหรัฐต่อตันคาร์บอน คือ มีมูลค่าเป็นแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว

 

ตอนนี้ทุกคนไปทำเรื่องการทดแทน แต่มันยังไม่เพียงพอ เพราะมันคือการพยุงอุตสาหกรรม ก๊าซเรือนกระจกยังถูกปล่อยอยู่ในจำนวนมหาศาล สิ่งที่ต้องทำคือ การลดคาร์บอนและนำไปฝังแบบถาวร เรื่องการดูดซับ กำลังความสามารถของป่า หรือทะเล ศักยภาพในการดูดคาร์บอนมันเสื่อมลงเรื่อยๆ เราเลยต้องมีเครื่องมือ มีกลยุทธ์เพื่อเข้าไปเสริม ไม่งั้นคาร์บอนสะสมจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ศักยภาพการดูดก็ลดลงทุกปี

 

เส้นทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม NRF ซึ่งเดินอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 7-8 ปีก่อน บริษัทฯไม่ได้สนใจกับเรื่องความยั่งยืน แต่เมื่อเริ่มสนใจและศึกษาจริงจัง จึงนำเคพีไอของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ของสหประชาชาติ มาเป็นเคพีไอของบริษัทฯ และนำเป้าที่ 13 เรื่อง Climate Action เป็นแกนในการนำพาธุรกิจสู่ S-curve ใหม่ เพื่อเดินหน้าสู่ Decarbonisation 

 

กลยุทธ์ของ NRF มี 3 อย่าง คือ 1. Dietary Solution การทำธุรกิจแพลนต์เบสต์ฟู้ด 2. Nature-based Solution ใช้สิ่งแวดล้อม เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับปัญหาโลกร้อน คือ การปลูกป่า และ 3. Industrialized Solution การใช้คาร์บอนแคปเจอร์ เพื่อไปสู่ Decarbonisation ซึ่งเป็นธุรกิจล่าสุด ภายใต้บริษัท 350 คอร์ปอเรชั่น