สกพอ. เปิดเวทีรับฟังนักลงทุนต่างชาติ ชู EEC ศูนย์กลางลงทุนไทย จับทิศทางเศรษฐกิจโลก มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืน

22 ธ.ค. 2568 | 07:07 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2568 | 07:16 น.

สกพอ. จัดเวทีเสวนารับฟังมุมมองนักลงทุนต่างชาติ สะท้อนศักยภาพและความท้าทายการลงทุนในพื้นที่ EEC ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวนตอกย้ำบทบาทรัฐในฐานะ “หุ้นส่วนการเติบโต” พร้อมนำเสียงภาคเอกชนไปใช้กำหนดทิศทางนโยบายการลงทุนไทยในอนาคต

KEY

POINTS

  • สกพอ. จัดเวทีเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นโดยตรงจากหอการค้าต่างประเทศและนักลงทุน เพื่อใช้เป็นแนวทางกำหนดทิศทางการลงทุนในพื้นที่ EEC
  • นักลงทุนต่างชาติมองว่า EEC ยังคงมีศักยภาพสูงในฐานะฐานการลงทุน จากทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน และความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ
  • ผู้ร่วมเสวนาได้สะท้อนอุปสรรคการลงทุน เช่น กระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง และเสนอให้ปรับปรุงกระบวนการให้รวดเร็วและโปร่งใสยิ่งขึ้น
  • สกพอ. ยืนยันจะนำข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนไปใช้ออกแบบนโยบายส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทั้งแรงกดดันจากภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล ประเทศไทยยังคงยืนยันจุดยืนการเป็น “พันธมิตรการลงทุนที่เปิดกว้างและเท่าเทียม” ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้เปิดเวทีเสวนา “EEC Forum with Foreign Chambers: Shaping the Future of Investment Together” ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ได้เชิญผู้แทนจากหอการค้าต่างประเทศชั้นนำในประเทศไทยขึ้นเวที ได้แก่ หอการค้าอเมริกัน หอการค้าญี่ปุ่น หอการค้าเนเธอร์แลนด์ และหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมด้วยนักธุรกิจและผู้ประกอบการระดับแนวหน้า เพื่อรับฟังเสียงนักลงทุนโดยตรง และแลกเปลี่ยนมุมมองในการลงทุน เพื่อใช้เป็นแนวทางและทิศทางการลงทุนในพื้นที่ EEC อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต

โดยเวทีครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทของ สกพอ. ในฐานะ “พื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน” ที่เปิดรับทุกประเทศอย่างเท่าเทียม ไม่เพียงเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนตั้งอยู่บนความเข้าใจร่วมกัน

สกพอ. เปิดเวทีรับฟังนักลงทุนต่างชาติ ชู EEC ศูนย์กลางลงทุนไทย จับทิศทางเศรษฐกิจโลก มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืน

ไฮไลต์สำคัญของงาน คือการแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อ Strategic Dialogue Session: Shaping the Future of Investment in the EEC โดยมี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. เป็นผู้นำการเสวนา พร้อมได้เปิดพื้นที่ให้ผู้แทนหอการค้าต่างประเทศ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองอย่างตรงไปตรงมา ประกอบด้วย

  • ดร.ศุภฤกษ์ ชาร์ลี ชมชาญ รองประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT)
  • คุณชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM)
  • Mr. Koichiro Yui Treasurer, Japanese Chambers of Commerce
  • Mr. Rob Hurenkamp President, Netherlands-Thai Chamber of Commerce

บรรยากาศการเสวนาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแลกเปลี่ยนเชิงลึกถึงทิศทางการลงทุน ความคาดหวัง และบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป

โดยผู้แทนหอการค้าต่างประเทศต่างสะท้อนมุมมองในทิศทางเดียวกันว่า ประเทศไทยและพื้นที่ EEC ยังคงมีศักยภาพสูงในฐานะฐานการผลิตและการลงทุน เพราะมีทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงด้านพลังงาน ความต่อเนื่องด้านนโยบายของรัฐบาล และศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์

ด้านสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ผู้ร่วมเสวนาต่างแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย เช่น กระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ และความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมาย โดยได้เสนอ แนวทางสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อาทิ การปรับปรุงกระบวนการอนุมัติให้รวดเร็วและโปร่งใส การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการฝึกอบรมในสถานที่ทำงานจริง และการสร้างความชัดเจนด้านนโยบาย

นอกจากผู้ร่วมเสวนาแล้ว สกพอ. ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานร่วมซักถามและเสนอข้อคิดเห็น โดยมีข้อเสนอสำคัญหลายประเด็น เช่น การสื่อสารนโยบายเชิงรุกและต่อเนื่อง การสนับสนุนแรงงานทักษะสูงให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมใหม่ การผลักดันมาตรการจูงใจการลงทุนที่ตอบโจทย์บริบทโลกปัจจุบัน ซึ่งข้อคิดเห็นเหล่านี้สะท้อนความคาดหวังที่นักลงทุนมีต่อบทบาทของรัฐ ในการเป็น “หุ้นส่วนการเติบโต” ไม่ใช่เพียงผู้กำกับดูแล และเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ภาครัฐ “รับฟังจริง และพร้อมปรับจริง”

ดร.จุฬา  สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ.

สกพอ. เปิดเวทีรับฟังนักลงทุนต่างชาติ ชู EEC ศูนย์กลางลงทุนไทย จับทิศทางเศรษฐกิจโลก มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืน

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ย้ำว่า เวทีนี้ไม่ใช่เพียงกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการนำข้อมูลจากภาคเอกชนไปใช้จริงในการออกแบบนโยบายและกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนในระยะถัดไป โดย สกพอ. พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกกลาง เชื่อมโยงภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และตอกย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายการลงทุนที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และพร้อมเดินหน้าไปกับนักลงทุนทุกชาติอย่างเท่าเทียม