KEY
POINTS
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทั้งแรงกดดันจากภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล ประเทศไทยยังคงยืนยันจุดยืนการเป็น “พันธมิตรการลงทุนที่เปิดกว้างและเท่าเทียม” ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้เปิดเวทีเสวนา “EEC Forum with Foreign Chambers: Shaping the Future of Investment Together” ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ได้เชิญผู้แทนจากหอการค้าต่างประเทศชั้นนำในประเทศไทยขึ้นเวที ได้แก่ หอการค้าอเมริกัน หอการค้าญี่ปุ่น หอการค้าเนเธอร์แลนด์ และหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมด้วยนักธุรกิจและผู้ประกอบการระดับแนวหน้า เพื่อรับฟังเสียงนักลงทุนโดยตรง และแลกเปลี่ยนมุมมองในการลงทุน เพื่อใช้เป็นแนวทางและทิศทางการลงทุนในพื้นที่ EEC อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต
โดยเวทีครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทของ สกพอ. ในฐานะ “พื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน” ที่เปิดรับทุกประเทศอย่างเท่าเทียม ไม่เพียงเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนตั้งอยู่บนความเข้าใจร่วมกัน
ไฮไลต์สำคัญของงาน คือการแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อ Strategic Dialogue Session: Shaping the Future of Investment in the EEC โดยมี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. เป็นผู้นำการเสวนา พร้อมได้เปิดพื้นที่ให้ผู้แทนหอการค้าต่างประเทศ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองอย่างตรงไปตรงมา ประกอบด้วย
บรรยากาศการเสวนาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแลกเปลี่ยนเชิงลึกถึงทิศทางการลงทุน ความคาดหวัง และบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป
โดยผู้แทนหอการค้าต่างประเทศต่างสะท้อนมุมมองในทิศทางเดียวกันว่า ประเทศไทยและพื้นที่ EEC ยังคงมีศักยภาพสูงในฐานะฐานการผลิตและการลงทุน เพราะมีทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงด้านพลังงาน ความต่อเนื่องด้านนโยบายของรัฐบาล และศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์
ด้านสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ผู้ร่วมเสวนาต่างแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย เช่น กระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ และความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมาย โดยได้เสนอ แนวทางสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อาทิ การปรับปรุงกระบวนการอนุมัติให้รวดเร็วและโปร่งใส การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการฝึกอบรมในสถานที่ทำงานจริง และการสร้างความชัดเจนด้านนโยบาย
นอกจากผู้ร่วมเสวนาแล้ว สกพอ. ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานร่วมซักถามและเสนอข้อคิดเห็น โดยมีข้อเสนอสำคัญหลายประเด็น เช่น การสื่อสารนโยบายเชิงรุกและต่อเนื่อง การสนับสนุนแรงงานทักษะสูงให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมใหม่ การผลักดันมาตรการจูงใจการลงทุนที่ตอบโจทย์บริบทโลกปัจจุบัน ซึ่งข้อคิดเห็นเหล่านี้สะท้อนความคาดหวังที่นักลงทุนมีต่อบทบาทของรัฐ ในการเป็น “หุ้นส่วนการเติบโต” ไม่ใช่เพียงผู้กำกับดูแล และเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ภาครัฐ “รับฟังจริง และพร้อมปรับจริง”
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ย้ำว่า เวทีนี้ไม่ใช่เพียงกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการนำข้อมูลจากภาคเอกชนไปใช้จริงในการออกแบบนโยบายและกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนในระยะถัดไป โดย สกพอ. พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกกลาง เชื่อมโยงภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และตอกย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายการลงทุนที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และพร้อมเดินหน้าไปกับนักลงทุนทุกชาติอย่างเท่าเทียม