บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เผยผลประกอบการ 9 เดือนปี 2568 ท่ามกลางตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังมีความผันผวนจากกำลังซื้อฟื้นตัวช้าและภาวะสินเชื่อที่ยังเข้มงวด แต่บริษัทสามารถรักษาการเติบโตได้แข็งแรง โดยมีรายได้รวม 3,662 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและการกระจายพอร์ตที่เหมาะสมในหลายกลุ่มธุรกิจ
นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดสรรเงินและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 13,719 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายอสังหาริมทรัพย์ 10,548 ล้านบาท และยอดขายจากโมเดล “LivNex” ซึ่งเป็นบริการเช่า–ออมสำหรับผู้ซื้อที่ยังไม่พร้อมกู้ อีก 3,171 ล้านบาท โดยโมเดลนี้ยังช่วยแปลงดีมานด์ให้เกิดยอดโอนจริงในระยะยาว และเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยกระจายความเสี่ยงด้านสินเชื่อของลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อแท้จริง
ด้านศักยภาพทำกำไร บริษัทมีกำไรขั้นต้น 1,193 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 33% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นถึง 74% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีอยู่ที่ 844 ล้านบาท เติบโต 21% จากงวดเดียวกัน สะท้อนประสิทธิภาพจากธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง เช่น การบริหารโครงการให้เช่าและบริการจัดการอสังหาริมทรัพย์เสริมในหลายทำเล
นางสาวอธิกา ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้ารอขายรวม 39,708 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย 10,336 ล้านบาท ช่วยตอบโจทย์ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงซึ่งต้องการโอนเร็ว ขณะที่ยอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมอยู่ที่ 8,452 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ภายในปี 2568 ประมาณ 4,841 ล้านบาท สนับสนุนกระแสเงินสดที่มั่นคงต่อเนื่อง โดยบริษัทมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) อยู่ที่ 1.29 เท่า ต่ำกว่าหลายบริษัทในอุตสาหกรรม
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เสนาฯ เตรียมเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว “เสนา พาร์ค แกรนด์ 2 รามอินทรา” มูลค่า 2,230 ล้านบาท ที่นำแนวคิด Zero Energy House มาใช้ผ่านการติดตั้งโซลาร์และระบบสำรองไฟทุกยูนิต และโครงการคอนโดมิเนียม “โคซี่ ตากสิน–จอมทอง” มูลค่า 663 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด SENA Low Carbon ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาคุ้มค่าในทำเลเชื่อมต่อเมือง
เสนาฯ ยังให้ความสำคัญกับโมเดลเช่า-ออม “LivNex” และโครงการเช่าเพื่ออยู่อาศัย “RentNex” ซึ่งมาช่วยเติมเต็มตลาดลูกค้าที่มีความพร้อมในการอยู่อาศัยแต่ยังติดข้อจำกัดด้านเอกสารหรือคุณสมบัติทางสินเชื่อ โดยบริษัทระบุว่าอัตราการกู้ไม่ผ่านของลูกค้ากลุ่ม LivNex ในช่วงโอนจริงต่ำกว่าการขายแบบทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธนาคารออมสินยังร่วมสนับสนุนวงเงินกู้ให้กับ LivNex Program ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในคุณภาพระบบคัดกรองและศักยภาพโมเดลของบริษัท
ขณะเดียวกัน นางสาวอธิกา เปิดเผยว่า เสนาฯ จะยังเดินหน้ากลยุทธ์ที่อยู่อาศัยพลังงานสะอาดควบคู่กับพัฒนาตลาดเชิงบริการ เพื่อเพิ่มรายได้ประจำและเสริมความยั่งยืนของพอร์ตธุรกิจในระยะยาว โดยบริษัทเชื่อว่าการผสานพลังงานทดแทน โซลูชันลดคาร์บอน ผสานโซลูชันการเงินรูปแบบใหม่จะเป็นหัวใจของการเติบโตในยุคต่อไปของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย