ท่ามกลางบรรยากาศเศรษฐกิจที่ยังเติบโตอย่างจำกัดในปี 2568 ตลาดบ้านมือสองกลับกลายเป็นหนึ่งในเซกเมนต์ที่ฟื้นตัวแรงถูกมองว่าเป็น “ทางเลือกที่จับต้องได้” ของครอบครัวเริ่มต้น โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจ มาตรการรัฐ และพฤติกรรมผู้ซื้อที่มองหาความคุ้มค่าในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าโครงการบ้านใหม่
โดยเฉพาะในทำเลโซนเหนือกรุงเทพฯ เช่น ลำลูกกาและรังสิต กำลังกลายเป็นสมรภูมิหลักของตลาดบ้านมือสอง ด้วยจุดแข็งด้านการเดินทางที่เชื่อมเมืองได้สะดวก ราคายังอยู่ในระดับเข้าถึงได้ และโครงการจัดสรรที่มีสังคมคุณภาพครบครัน ส่งผลให้โครงการอย่างเช่น บ้านฟ้าปิยรมย์ และโครงการในเครือเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ได้รับความนิยมสูงเกินคาด
นายสมนึก ตัณฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ตลาดบ้านมือสองได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากราคาที่จับต้องได้และฟังก์ชันบ้านที่ตอบโจทย์ครอบครัวเริ่มต้น อีกทั้งมาตรการภาครัฐที่ลดค่าธรรมเนียมและภาษีการโอนยังช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะในทำเล ลำลูกกา-รังสิต ที่โครงการในเครือบ้านฟ้าได้รับการตอบรับเกินคาด จุดขายสำคัญคือทำเลที่สะดวก บรรยากาศชุมชนคุณภาพ บ้านมีพื้นที่ใช้สอยมากและราคาสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับบ้านใหม่
แนวโน้มตลาดบ้านมือสองยังสะท้อนเทรนด์ความต้องการ “บ้านพร้อมอยู่” ที่สามารถย้ายเข้าได้ทันที สามารถตอบโจทย์ผู้ซื้อที่ไม่ต้องการเสียเวลาในการซ่อมแซมเอง โดยบ้านที่ผ่านการรีโนเวทและตกแต่งอย่างครบวงจร มีพื้นที่ใช้สอยกว้าง ฟังก์ชันครบ และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกมีแนวโน้มขายได้เร็วกว่า การเลือกซื้อทรัพย์ที่อยู่ในสภาพเดิมแล้วให้ผู้ซื้อไปปรับปรุงเอง ซึ่งมักมีปัญหาเรื่องคุณภาพงานก่อสร้างและความล่าช้า
เพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ Nc Qprompt ที่ทำหน้าที่รับซื้อ ขาย และรีโนเวทบ้านมือสอง โดยใช้ทีมงานมืออาชีพเข้ามาดูแลครบวงจร ตั้งแต่การคัดเลือกทรัพย์ การออกแบบตกแต่ง การควบคุมงานก่อสร้าง ไปจนถึงการทำการตลาดและจัดหาสินเชื่อ
นายบุญชัย โรจน์พานิช ผู้อำนวยการบริษัท อธิบายว่า Nc Qprompt เข้ามาตอบโจทย์ “ช่องว่างของตลาดบ้านมือสอง” ซึ่งผู้ซื้อกังวลเรื่องคุณภาพบ้านและความเสี่ยงจากผู้รับเหมารายย่อย การันตีคุณภาพรีโนเวทและความพร้อมส่งมอบ จึงช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค และเพิ่มความน่าสนใจให้กับบ้านในทำเลศักยภาพ โดยเฉพาะ แบรนด์บ้านฟ้าปิยรมย์ ที่เป็นที่ต้องการสูงในระดับราคา 3–7 ล้านบาท
กลยุทธ์การตลาดจะเน้นการใช้ช่องทางออนไลน์ การจัดโปรโมชั่น และกิจกรรม Open House เพื่อสร้างโอกาสในการขาย โดยบริษัทตั้งเป้าให้โมเดลนี้ช่วยเพิ่มการเติบโตธุรกิจในปีนี้ไม่น้อยกว่า 10% และวางรากฐานระยะยาวในการขยายตลาดบ้านมือสองในโซนเหนือและโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ปริมณฑล
ทั้งนี้ในเชิงโครงสร้างตลาด ยังได้ประเมินว่า บ้านมือสองยังคงมีดีมานด์สูงต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือชะลอตัว เนื่องจากเป็นทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่าบ้านใหม่ แต่ยังตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น และทำเลที่เข้าถึงระบบคมนาคมหลักได้สะดวก หากมีการรีโนเวทคุณภาพและบริการครบวงจร จะช่วยยกระดับมูลค่าและทำให้บ้านมือสองกลายเป็นตัวเลือกหลักของครอบครัวเมืองไทยในอนาคตอันใกล้