ภูเก็ตไม่ได้มีเพียงชื่อเสียงด้านทะเลและหาดทรายอันสวยงามอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น ศูนย์กลางอสังหาริมทรัพย์หรูระดับโลก ที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและผู้ซื้อระดับบนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโซน “ภูเก็ตใต้” ซึ่งกำลังถูกจับตาว่าเป็น ทำเลดาวรุ่งแห่งใหม่
ข้อมูลจากสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคม–พฤษภาคม 2568 เกาะภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวสะสมกว่า 2.4 ล้านคน รายได้รวมจากการท่องเที่ยวสูงถึง 149,384 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66% เมื่อเทียบปีก่อน กระแสนี้สะท้อนถึงศักยภาพตลาดท่องเที่ยวที่แข็งแรงและส่งผลบวกโดยตรงต่อความต้องการที่อยู่อาศัยและการลงทุนระยะยาว
Knight Frank ยังชี้ว่า ปี 2567 เป็นปีที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ปีของตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต โดยเฉพาะกลุ่มวิลล่าที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ C9 Hotelworks ระบุว่าปัจจุบันมีโครงการแนวราบและวิลล่ากว่า 6,896 ยูนิต จาก 219 โครงการ คิดเป็น 17% ของตลาดรวม
แรงหนุนสำคัญมาจากนโยบายภาครัฐ เช่น LTR Visa สำหรับการพำนักระยะยาว 10 ปี และ Destination Thailand Visa (DTV) อายุ 5 ปี ที่เจาะกลุ่ม Digital Nomad และคนทำงานต่างชาติที่เลือก “Work From Anywhere” ประกอบกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 (สนามบินอันดามัน พังงา), รถไฟรางเบา, โครงการสมาร์ตซิตี้ และการปรับปรุงท่าเรือยอช์ตระดับนานาชาติ ล้วนช่วยดันภูเก็ตใต้ขึ้นแท่น “Rising Star” ของตลาดอสังหาฯ
นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ระบุว่า ราคาที่ดินในโซนใต้ยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับตอนเหนือ กะรนเฉลี่ย 25 ล้านบาท/ไร่, ฉลอง 15 ล้านบาท/ไร่ และเกาะแก้ว 12 ล้านบาท/ไร่ โดยมีแรงหนุนจากการขยายตัวของโรงเรียนนานาชาติและความต้องการของนักลงทุนรัสเซีย จีน ยุโรป และตะวันออกกลาง และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่พุ่งสูง โบทานิก้าฯ เปิดตัว 3 โครงการวิลล่าลักชัวรี ได้แก่
ซึ่งออกแบบเพื่อเจาะกลุ่มนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยจริงทั้งยุโรป รัสเซีย เอเชีย และตะวันออกกลาง โดยแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมการซื้อที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยจริง ปล่อยเช่า หรือการมองหาความเป็นส่วนตัวสำหรับครอบครัว
โดยในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าภูเก็ตใต้จะขึ้นแท่น ทำเลไพร์มโลเคชันใหม่ ของการลงทุนอสังหาฯ ไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนด้านเวลเนส การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินทาง เช่น Boat Taxi ที่ช่วยย่นเวลาการเดินทางจาก 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 40 นาที รวมถึงกระแสการออกแบบบ้านที่เน้น Green Design และ Smart Home เพื่อตอบโจทย์ตลาดต่างชาติ