“ภูเก็ต” ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงเมืองท่องเที่ยวอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี “กลุ่มทุนระดับโลก” รวมถึงกลุ่มผู้มีความมั่งคั่ง (Wealth Segment) ทั้งจากยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง แห่เข้ามาปักหมุด ด้วยปัจจัยหนุนรอบด้าน ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์ การเดินทางที่สะดวก กฎหมายเปิดกว้าง ตลอดจนโครงสร้างประชากรที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
นายภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภูเก็ตกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ The World’s Elite Destination หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตระดับพรีเมียม ที่หลอมรวมการอยู่อาศัย การลงทุน และไลฟ์สไตล์ระดับโลกไว้ในที่เดียว ซึ่งแนวโน้มนี้สะท้อนผ่านการเติบโตของดีมานด์และราคาที่ดินในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ที่พุ่งสูงถึง 700% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต
การขยายฐานลูกค้าต่างชาติเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้น ทั้งกลุ่มชาวรัสเซีย และกลุ่มประเทศ CIS, อินเดีย, ตะวันออกกลาง และชาวยุโรปจากอิสราเอล รวมถึงกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่ต้องการปักหมุดใช้ชีวิตในประเทศที่ให้ความเท่าเทียม และปลอดภัยด้านกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Wealth เช่น กลุ่มอดีตพนักงานบริษัทระดับโลก อย่าง Google หรือ Microsoft ที่เลือกลงทุนและวางรากฐานชีวิตในภูเก็ต
ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศก็เติบโตตาม โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนไทยที่เคยซื้ออสังหาฯ ในกรุงเทพฯ แล้วเริ่มขยับขยายมาลงทุนในภูเก็ต หรือคนภูเก็ตที่มองเห็นโอกาสในบ้านพักตากอากาศและการปล่อยเช่า กลุ่มประชากรแฝง 3-4 แสนคนในภูเก็ต ยังเป็นฐานลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงจำนวนมาก
ด้านนางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เสริมว่า ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตแบ่งเป็น 2 โซนหลักชัดเจน สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้บริโภคอย่างชัดเจน ดังนี้
อีกทั้ง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ได้เล็งเห็นโอกาสจึงขยายบริการ Plus Concierge เป็นจุดขายสำคัญ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าต่างชาติแบบรอบด้าน ทั้งบริการแม่บ้าน ดูแลสระน้ำ รับ-ส่งสนามบิน จัดการเอกสารคนเข้าเมือง และดูแลปล่อยเช่าแบบครบวงจร ซึ่งไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่เป็นการสร้างคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพให้เติบโตได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ แสนสิริเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ที่อยู่ในตลาดภูเก็ตมายาวนาน ตั้งเป้าที่จะเปิดโครงการใหม่รวมแล้ว 28 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 33,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้าทั้งแนวราบและแนวสูง โดยล่าสุดเตรียมนำร่องเปิดตัว “เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต” บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ในทำเลเงียบสงบ
นอกจากนี้ แสนสิริได้มองเห็นศักยภาพระยะยาวของภูเก็ตในทุกมิติและตลาดยังเติบโตได้อีกมากในหลายกลุ่ม ทั้งเรียลดีมานด์ของคนไทยในพื้นที่ กลุ่มธุรกิจท้องถิ่น ไปจนถึงทุนต่างชาติที่มองหา Yield จากการลงทุน และโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่