บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมในเขตพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ว่ากำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม การจ้างงานในภูมิภาค และแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับเมกะโปรเจกต์จากภาครัฐ ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดราคาจับต้องได้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แสนสิริระบุว่า ลูกค้ากลุ่มหลักยังคงเป็นกลุ่มพนักงานในนิคมอุตสาหกรรม นักศึกษา และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดั้งเดิม รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อไว้ปล่อยเช่า โดยพบว่าโครงการคอนโดในบางพื้นที่ของ EEC ให้ผลตอบแทนรวม (Rental Yield + Capital Gain) สูงถึง 21% ภายในระยะเวลา 3 ปี ถือเป็นโอกาสทองของทั้งผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยและนักลงทุนที่มองหาแหล่งผลตอบแทนระยะยาว
พื้นที่ EEC ครอบคลุม 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นศูนย์กลางภาคการผลิต การค้าส่งออก และบริการระดับภูมิภาค มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สนามบิน ท่าเรือ และแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงระบบคมนาคมทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นทำเลเป้าหมายของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ แสนสิริยังเปิดเผยว่า โครงการคอนโดในทำเล EEC มีราคาเริ่มต้นเพียง 699,000 บาท* พร้อมโปรโมชันสนับสนุนการขาย และในบางโครงการยังมีการรับประกันผลตอบแทน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มนักลงทุน
บริษัทเชื่อว่า ด้วยศักยภาพของพื้นที่ EEC ที่มีการเติบโตจากทั้งนโยบายรัฐ การเข้ามาของอุตสาหกรรมใหม่ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะผลักดันให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มราคาที่เข้าถึงได้ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ยังคาดการณ์ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยใน EEC จะเติบโตขึ้นในปี 2568 จากปัจจัยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภค สะท้อนให้เห็นว่า ทำเล EEC ยังคงเป็น “โอกาส” ของตลาดอสังหาฯ ไม่เพียงแต่ในวันนี้ แต่ยังรวมถึงอนาคตอีกด้วย