"แสนสิริ" นำทัพอสังหาฯ สร้างมาตรฐานใหม่ รับมือภัยแผ่นดินไหว

28 พ.ค. 2568 | 09:25 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ค. 2568 | 09:25 น.

"แสนสิริ" ชูความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยอาคาร หลังเหตุแผ่นดินไหว ย้ำโครงการแนวสูงมั่นคง พร้อมขับเคลื่อนอสังหาฯ สู่อนาคตยั่งยืน

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยที่ผ่านมา บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ประกาศเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในภาคอสังหาฯ โดยจัดงาน “Sansiri Insight Talk: Beyond the Blueprints” เปิดเวทีระดมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมย้ำจุดยืนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ทั้ง “ปลอดภัย” และ “ยั่งยืน”

อุทัย อุทัยแสงสุข

นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ แสนสิริ เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในการพัฒนาโครงการแนวสูงกว่า 225 โครงการ รวมกว่า 90,000 ยูนิต บริษัทสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยพลังของพาร์ตเนอร์มืออาชีพ ทั้งทีมก่อสร้าง วิศวกร ทีมลิฟต์ ไปจนถึงบริษัทประกันภัย ที่ร่วมกันประสานงานทันทีหลังเกิดเหตุ

แสนสิริยังได้จัดตั้ง War Room และหยุดงานขายชั่วคราว เพื่อให้ทรัพยากรทั้งหมดมุ่งเน้นที่การตรวจสอบและฟื้นฟูโครงการต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้บริหารสายพัฒนาโครงการคอนโดฯ ระบุว่า การตรวจสอบครอบคลุมทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ ทุกยูนิตพบว่าโครงสร้างปลอดภัย 100% พร้อมวางแผนปรับปรุงคู่มือก่อสร้างใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ในอนาคต

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย

ทั้งนี้ จากในมุมมองของ ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ชี้ว่า อาคารที่สร้างภายใต้มาตรฐาน พ.ศ. 2564 และ มยผ.1301/1302-61 มีความปลอดภัยสูงขึ้นมาก โดยแนะนำให้ภาคเอกชนนำนวัตกรรมจากต่างประเทศ เช่น Viscous Dampers มาใช้เพิ่มเสถียรภาพอาคารในอนาคต

ด้านนายบริสุทธิ์ กาสินพิลา จากโฮมบายเออร์ไกด์ มองว่า เหตุแผ่นดินไหวส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และเปิดโอกาสให้แบรนด์ที่แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

บริสุทธิ์ กาสินพิลา

ด้านนายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาเป็นบททดสอบสำคัญที่แสนสิริต้อง “บริหารความโกลาหล” ทันที โดยเร่งตั้ง War Room ระดมทีมทุกภาคส่วนหยุดการขายชั่วคราว เพื่อทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปกับการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงการ โดยจัดทำ Key Checklist ให้วิศวกรลงพื้นที่ตรวจทุกจุด ทั้งโครงสร้าง ลิฟต์ ระบบไฟฟ้า ประปา ไปจนถึงระบบป้องกันอัคคีภัย โดยเฉพาะระบบลิฟต์ที่ให้ความสำคัญสูงสุด

องอาจ สุวรรณกุล

“เราไม่ได้ถามว่าอะไรดีที่สุดในสถานการณ์นั้น แต่เราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อดูแลลูกบ้านให้ดีที่สุด” นายองอาจกล่าว

พร้อมระบุว่าผลการตรวจสอบทั้งโครงการแนวสูง แนวราบ บ้านตัวอย่าง และพื้นที่ส่วนกลาง ยืนยันว่าโครงสร้างอาคารของแสนสิริปลอดภัย 100% นอกจากนี้ แสนสิริยังจัดทีมช่วยเหลือลูกบ้านในการเคลมประกันภัยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับลูกค้าหลายราย เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์

ขณะที่ ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ CEO จากบริษัท ฑีฆาก่อสร้างฯ ย้ำว่า วัสดุและกระบวนการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานคือหัวใจสำคัญ เช่น การใช้ผนังเบาโครงโลหะที่ซ่อมง่ายหลังเกิดแรงสั่นสะเทือน

กฤษฎา แท้ประสาทสิทธิ์

ทางด้านบริษัทอินฟรา กรุ๊ป โดยนายกฤษฎา แท้ประสาทสิทธิ์ เสนอว่าความล้มเหลวของอาคารส่วนใหญ่มาจาก “Bad Conditions” ที่ซ้อนทับกัน ทั้งการออกแบบที่ไม่สมบูรณ์และการใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบร่วมกัน

นฤมล อาภรณ์ธนกุล

นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งฝ่ายบริหารอาคาร ระบุว่า การมี War Room สื่อสารแบบเรียลไทม์ และเทคโนโลยีอย่าง LIV-24 มีบทบาทสำคัญในการบริหารสถานการณ์ พร้อมเสนอให้พัฒนาศูนย์ข้อมูลเพื่อดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ

วิญญู อังศุนิตย์

สุดท้าย วิริยะประกันภัย โดยนายวิญญู อังศุนิตย์ ชี้ว่า การเร่งจ่ายเคลมประกันอย่างเป็นธรรม และการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องประกันภัยให้กับประชาชน จะช่วยลดผลกระทบได้อย่างยั่งยืน

บทเรียนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการอสังหาฯ ไทย ที่ไม่เพียงแค่สร้างอาคาร แต่ต้องสร้าง “ความมั่นใจ” และ “มาตรฐานใหม่” ให้กับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง พร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงไปด้วยกัน