แม้เริ่มต้นปี 2568 ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและสร้างแรงส่งต่อตลาดที่อยู่อาศัย แต่ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) กลับสะท้อนภาพตรงกันข้าม โดยในไตรมาสแรกของปี ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศลดลงอย่างชัดเจน ทั้งในแง่จำนวนหน่วยและมูลค่า
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ REIC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 มีการโอนกรรมสิทธิ์รวม 65,276 หน่วย ลดลง 10.5% คิดเป็นมูลค่า 181,545 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นสัญญาณชัดเจนของการชะลอตัวด้านกำลังซื้อ
ทั้งนี้ภาครัฐได้เร่งตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยการออกมาตรการกระตุ้นที่มุ่งเน้นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองลงเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท พร้อมผ่อนปรนเกณฑ์สินเชื่อ (LTV) ชั่วคราว โดยมาตรการทั้งสองจะมีผลต่อเนื่องถึงกลางปี 2569 และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลเชิงบวกตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป
ถึงแม้ในภาพรวมจะหดตัว แต่ในบางจังหวัดยังพบสัญญาณบวก เช่น ระยองและสุราษฎร์ธานี ซึ่งมียอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นทั้งในแง่หน่วยและมูลค่า ขณะที่ภูเก็ตแม้ยอดหน่วยเติบโต แต่มูลค่ากลับลดลง ส่วนสมุทรปราการกลับสวนทาง ด้วยยอดโอนลดลงแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม พื้นที่หลักในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี เชียงใหม่ และนครราชสีมา กลับมีทิศทางชะลอตัวทั้งในด้านจำนวนและมูลค่า สะท้อนความจำเป็นในการเร่งสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
REIC ประเมินว่า ตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2568 จะมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลงเพียงเล็กน้อย โดยคาดว่าทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนจะลดลงไม่เกิน 1% ขณะที่ยอดสินเชื่อใหม่ทั่วประเทศอาจหดตัวเล็กน้อยเช่นกัน
ท่ามกลางภาวะชะลอตัวที่ต่อเนื่องจากปีก่อน การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของมาตรการรัฐในการกระตุ้นแรงซื้อ หากสามารถจุดประกายความต้องการได้อย่างแท้จริง ตลาดอาจกลับมาเดินหน้าอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้