3ปรัชญาสืบทอด 70ปี“ทรัพย์สถาพร” สู่ “สถาพรเอสเตท”พัฒนาอสังหาฯเติบโตยั่งยืน

ความระมัดระวัง ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของ บริษัท สถาพรเอสเตท จำกัด และ บริษัทเฉลิมนคร ทั้งแนวราบและแนวสูง แบบค่อยเป็นค่อยไป มีผลให้ สามารถรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้ รวมถึงผู้บริโภคไว้วางใจด้วย 3ปรัชญาองค์กรที่สืบทอดมา คือ “1.ความซื่อสัตย์  2.ความพยายามพัฒนาตนเอง และ 3.สามัคคีทำงานเป็นทีม”

ที่ นายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพรเอสเตท, เฉลิมนคร   ได้ยึดถือ ต่อมาจาก “คุณพ่อเฉลิม สถาพร” ผู้ก่อตั้งบริษัททรัพย์สถาพร เริ่มจากกิจการด้านค้าขายพืชไร่ตั้งแต่ปี 2498  โดยระบุว่า ท่านมีวิสัยทัศน์ที่จะขยายงานของกลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร เกี่ยวกับปัจจัย 4 ด้านที่อยู่อาศัย

ด้วยการร่วมทุนตั้งบริษัททรัพย์หิรัญ ได้เข้าไปช่วยงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มฯ เป็นครั้งแรก ทำหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการโครงการ หมู่บ้านทรัพย์หิรัญ ซอยบุญศิริ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี 2533

เริ่มจากทำทาวน์เฮาส์ประมาณ 20 ยูนิตในที่ดินประมาณ 2 ไร่ แล้วขยายต่อมาเป็นหมู่บ้านทรัพย์หิรัญ2 ทรัพย์หิรัญ 3 มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ รวมกันประมาณ 100 กว่ายูนิต มีการสร้างบ่อบำบัดนํ้าเสียรวม ซึ่งนับว่าทันสมัยมากในยุคนั้น อันเป็นการเริ่มต้นงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทเรื่อยมา

“ผมอาสาที่จะพัฒนางานอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มทรัพย์สถาพรอย่างต่อเนื่องนั่นคือโครงการหมู่บ้านสถาพรรังสิตคลอง 3 โดยญาติพี่น้องเห็นด้วยว่า ตั้งชื่อบริษัท เฉลิมนคร เพื่อให้เกียรติคุณพ่อเฉลิม ประธานกลุ่มบริษัทฯในขณะนั้น เมื่อเปิดโครงการไม่นานก็พบกับวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540”

นายสุนทร กล่าวว่า คุณพ่อเฉลิมให้แนวทางในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอาไว้ว่า ให้ทำให้ มั่นคงแข็งแรง เพราะลูกค้าต้องอยู่ไปอีกนาน จึงเป็นที่มาของสโลแกนบริษัท เฉลิมนครว่า “มาตรฐานคือรากฐานสำคัญ”  คุณพ่อให้ข้อคิดในการวางแผนองค์กรไว้ด้วยว่า ควรต้องมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ และมองไปในอนาคตของบริษัท เพื่อการสานต่อของคนรุ่นถัดไปด้วย อันเป็นที่มาของการจัด port folio ของบริษัทสถาพรเอสเตทในปัจจุบัน มีแนวราบ แนวสูง ตามทิศทางพฤติกรรมของผู้บริโภค และในยามเศรษฐกิจผันผวน มีพื้นที่ให้เช่าที่เป็น recurring income คอยบรรเทาสถานะองค์กร เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเป็นต้น

"พูดถึงที่ดินขนาดใหญ่ ด้านหน้าหมู่บ้านสถาพร รังสิตคลอง3 ตอนที่คุณพ่อยังอยู่ ท่านตั้งใจมาก ว่าอยากให้พัฒนาเป็นcommercial zone แบบนํ้าซึมบ่อทราย ซึ่งหมายถึง recurring income นั่นเอง ผมก่อนที่จะตกลงกับเทสโก้โลตัสให้เช่าระยะยาว 30 ปีนั้น แรกเริ่มเดิมทีผมเจรจากับ Carrefour ห้างใหญ่ฝรั่งเศส นานเป็นปี จนบรรลุข้อตกลง นัดกันเรียบร้อยว่าจะจดสิทธิการเช่าในเดือนกรกฎาคม 2540 เมื่อแจ้งให้คุณพ่อทราบ ท่านดีใจมาก เดินทางมาที่รังสิตคลอง3 ท่านประกาศให้ทีมพนักงานขายในเซลล์ออฟฟิศทราบว่า เราจะมี Carrefourมาลง พวกเซลล์ตบมือดีใจกันมากไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆยกใหญ่ แต่ปรากฏว่าวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 รัฐบาลไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งทำให้อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินจาก 25 บาทต่อดอลล่าร์ ลอยตัวไปแตะเกือบ 50 บาท ผู้จัดการCarrefour ได้โทรศัพท์มาหาผม ขอยกเลิกนัดการจดสิทธิการเช่าออกไปอย่างไม่มีกำหนด แล้วประเทศไทยก็เข้าสู่วิกฤตต้มยำกุ้ง"  

 ปัจจัยหลักที่บริษัทได้ปรับตัวผ่านวิกฤติ นั่นคือต้องรักษาฐานลูกค้าเดิม คัดเลือกพันธมิตรธุรกิจที่จับมือไปกับเราในระยะยาว และพนักงานเองปรับตัวให้ทำงานได้หลากหลายอย่าง เมื่อเศรษฐกิจใกล้ฟื้นตัว ผมและทีมงานได้เจรจากับห้างไฮเปอมาร์เก็ตจนสำเร็จได้ เมื่อปี 2547

คือห้างเทสโก้โลตัส ที่เปิดดำเนินการมาถึงปัจจุบัน น่าเสียดายที่คุณพ่อเฉลิมสิ้นไปตั้งแต่ปี 2545 จึงเสียดายที่ท่านไม่ได้เห็น Commercial zone และพัฒนาการขยายงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาเป็นสถาพรเอสเตทถึงทุกวันนี้

 ประเทศไทยพบวิกฤตที่กระทบกับเศรษฐกิจอยู่เป็นระยะๆ อาทิเรื่องนํ้าท่วมใหญ่ปี 2554 คุณอาเลียง ศรีสถาพร ซึ่งเป็นประธานกลุ่มทรัพย์สถาพรในขณะนั้น ได้แสดงให้พวกเราเห็นถึงความสำคัญของความสามัคคีของกลุ่ม

พนักงานทรัพย์สถาพรทุกสาขาธุรกิจ ซึ่งคอยช่วยเหลือสนับสนุนกันทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์ เทคนิคการป้องกัน และการกอบกู้นํ้าท่วม คุณอาเลียงออกตระเวนเยี่ยมเยียนช่วยเหลือทุกพื้นที่ของกลุ่มทรัพย์สถาพรด้วยตนเอง เอาอาหารและเสบียงมาส่งให้ผมและทีมงาน ซึ่งพักอยู่ที่สโมสรกลางหมู่บ้าน สถาพร ซึ่งคอยดูแลลูกบ้านที่ยังอาศัยอยู่ จนเราร่วมกับลูกบ้านสถาพร ซึ่งช่วยกันทั้งเฝ้าป้องกัน จัดการคมนาคม อยู่อาศัย จนช่วยกันกอบกู้โครงการกลับมาได้สำเร็จเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2554

การขยายงานด้านต่างๆของกลุ่มทรัพย์สถาพร ภายใต้ประธานกลุ่มฯ ในรุ่นถัดๆมา คือนายธิติชัย ศรีสถาพร นายสุนัย สถาพร และปัจจุบัน คือนายศุภมงคล ศรีสถาพร ก็ได้ให้การสนับสนุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของบริษัทสถาพรเอสเตท ในปัจจุบันภายใต้สโลแกน Passion for Living Well คือความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย ด้วยโครงการและการบริการที่เน้นการอนุรักษ์พลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ซึ่งระหว่างการเดินทางก็พบกับวิกฤต โควิด-19 ตั้งแต่ ปี 2563 จน เป็นวิกฤตหนี้ครัวเรือนในปัจจุบัน บริษัทก็ไม่หยุดยั้งที่จะปรับตัว รัดเข็มขัด upskill บุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพ internal process พัฒนาโครงการต่อเนื่อง up level product development มุ่งสู่ Green&Smart Digital Transformation เพื่อคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยในอนาคต

 ความสำเร็จของงานที่ผ่านมา  นายสุนทร ระบุว่า ต้องขอขอบคุณบรรพบุรุษผู้วางรากฐาน ญาติพี่น้องที่คอยสนับสนุน และเพื่อนร่วมงานที่ ช่วยกันคิดสร้างสรรค์สินค้าและบริการ จนเราได้รับการต้อนรับจากลูกค้า ความไว้วางใจ และรางวัลแห่งความภาคภูมิใจมากมาย อาทิ รางวัล EIA Monitoring Awards การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดีเด่น ติดต่อกันถึง9ปี

รางวัลบ้านอนุรักษ์พลังงาน รางวัลโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ในการอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รางวัลการบำบัดนํ้าเสีย รางวัล ThailandEnergyAwards รางวัลโครงการบ้านเบอร์5 รางวัลAsia Pacific Property Awards รางวัลโฆษณาเป็นธรรม จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ฯลฯ เป็นต้น

ผลงานของกลุ่มบริษัททรัพย์สถาพรด้านต่างๆ ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นสิ่งที่ทีมงานภาคภูมิใจว่า เราได้สร้างคุณค่าต่อลูกค้าและสังคม จึงได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า ทำให้กลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร พัฒนาต่อเนื่องมาได้จนถึงทุกวันนี้ มีทั้งกิจการส่งออกพืชไร่ Logistics คลังสินค้า ท่าเรือให้เช่า โรงงานเอธานอลจากมันสำปะหลัง พลังงานทดแทน และ อสังหาริมทรัพย์ ด้วยปรัชญาองค์กรที่สืบทอดมา คือ 1.ความซื่อสัตย์ 2.ความพยายามพัฒนาตนเอง และ 3.สามัคคีทำงานเป็นทีม ผนวกกับพลังของคนรุ่นใหม่ ผมมั่นใจว่าจะผลักดันให้กลุ่มบริษัททรัพย์สถาพรเติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืนต่อไปในอนาคต

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,099 วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568