การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายที่มุ่งหน้าสู่ เมืองทองธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งคาดการณ์ว่าการมีรถไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้มาเยือนอย่างมาก
โดยที่ผ่านมาบมจ.บางกอกแลนด์ได้ปรับปรุงพื้นที่เพื่อรองรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น ทั้งการปรับปรุงล็อบบี้ เพิ่มร้านอาหาร โค-เวิร์กกิง สเปซ และการติดตั้งป้ายโฆษณาดิจิทัล สถานีรถไฟฟ้าใหม่นี้ยังถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยพลิกโฉม ฮอลล์ 4 และดึงดูดการจัดงานได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ความต้องการที่ดินในเมืองทองธานีที่ยังคงมีอยู่ และแผนการพัฒนาโครงการ มิกซ์ยูส ขนาดใหญ่บริเวณริมทะเลสาบ ซึ่งถือเป็น อนาคตของบางกอกแลนด์ โดยตั้งเป้าพัฒนาสู่ สมาร์ต ซิตี้ และ อินโนเวชัน ดิสทริกต์ ควบคู่ไปกับการร่วมมือกับ แกร็บ เพื่อจัดการจุดรับส่งผู้โดยสาร
การเปิดใช้งานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมีกำหนดทดลองใช้ฟรีเริ่มวันที่20เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2568 ก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน 2568 ด้วยค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท
คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 13,800-14,000 คนต่อวัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดและยกระดับศักยภาพของเมืองทองธานีโดยรวม ทำให้ มูลค่าที่ดิน และโครงการต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น
การเปิดให้บริการเต็มรูปแบบของรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายนี้คาดว่าจะช่วยในหลายมิติ ดังนี้
ขนส่งผู้คนและกระตุ้นกิจกรรมในพื้นที่ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่คาดว่าจะช่วยขนส่งผู้คนจำนวนมากเข้ามายังพื้นที่ "อิมแพ็ค เมืองทองธานี"รองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประชุม สัมมนา อีเวนต์ และคอนเสิร์ต ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ คาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารในส่วนต่อขยายนี้ประมาณ 13,800 ถึง 14,000 คน-เที่ยวต่อวัน
อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ช่วยร่นระยะเวลาการเดินทาง1... และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดและการเดินทางเข้าออกเมืองทองธานี โดยเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายหลักของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเส้นทางอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำให้เดินทางเข้าสู่กลางเมืองและออกนอกเมืองได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนขบวนรถเพื่อเข้าสู่ส่วนต่อขยายได้ที่สถานีเมืองทองธานี (PK10)
เพิ่มศักยภาพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ การมีเส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมผ่านเพิ่มศักยภาพการพัฒนาโครงการโดยรอบรวมถึงพื้นที่เมืองทองธานีส่งผลให้มูลค่าที่ดินและโครงการในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่ดินในเมืองทองธานียังคงเป็นที่สนใจจากองค์กรและบริษัทต่างๆ ที่ต้องการเข้ามาพัฒนาโครงการและอาคารสำนักงาน
สนับสนุนการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ บางกอกแลนด์ ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) เฟสใหม่ขนาดใหญ่บนที่ดิน 200-300 ไร่ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี มูลค่าไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท โครงการนี้จะมี 4 องค์ประกอบหลักคือ รีเทล อาคารสำนักงาน โรงแรม และเอ็กซิบิชัน ฮอลล์ ซึ่งการลงทุนนี้รองรับการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย
ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ บางกอกแลนด์ได้เตรียมกลยุทธ์และลงทุนปรับปรุงพื้นที่และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับผู้เข้าใช้บริการจำนวนมากรวมถึงการรีโนเวตพื้นที่ล็อบบี้บางส่วนในอาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 ด้วยงบประมาณ 195 ล้านบาท เพื่อสร้างทางเข้าเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า (Sky Entrance)20 นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มร้านอาหารเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงาน และเพิ่มโค-เวิร์กกิง สเปซในฮอลล์ 1 ด้วย รวมถึงการหารือเรื่องการติดตั้งดิจิทัล บิลบอร์ดในสถานีส่วนต่อขยาย และร่วมกับแกร็บกำหนดจุดรับส่งผู้โดยสารภายในอิมแพ็ค เมืองทองธานี
พลิกฟื้นพื้นที่และการตลาด สถานีรถไฟฟ้าคาดว่าจะช่วยพลิกฟื้นตลาดสำหรับบางพื้นที่ เช่น อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 4 ที่ติดกับโรงแรมโนโวเทล ซึ่งเดิมอยู่ในจุดที่ค่อนข้างไกลจากศูนย์กลางการเดินทาง แต่เมื่อมีสถานีทะเลสาบ เมืองทองธานีอยู่ใกล้ๆ จะช่วยดึงดูดงานต่างๆ ให้เข้ามาจัดได้มากขึ้น และมีการเตรียมเสนออัตราค่าเช่าพื้นที่จัดงานราคาพิเศษเพื่อจูงใจลูกค้า10 นอกจากนี้ ยังมีแผนการตลาดที่เน้นกลุ่มลูกค้าผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน โดยวิเคราะห์ว่ารถไฟฟ้าจะพาคนกลุ่มใดเข้ามาบ้าง เช่น ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศ และผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูอยู่แล้ว
เพิ่มอัตราการเช่าพื้นที่จัดงาน คาดหวังว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจะช่วยเพิ่มอัตราการเช่าพื้นที่จัดงานไมซ์ อีเวนต์ และคอนเสิร์ตรวมกันจากปัจจุบัน 50% ไปใกล้เพดานระดับ 70%
ส่งเสริมการพัฒนาสู่เมืองอัจฉริยะ เมืองทองธานีกำลังจะพัฒนาสู่ "สมาร์ต ซิตี้" และจะเซ็นสัญญากับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อยกระดับสู่ "อินโนเวชัน ดิสทริกต์" โดยมีรถไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน
สำหรับการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบนั้น แหล่งข้อมูลบางส่วนระบุว่าเป็นวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ในขณะที่แหล่งข้อมูลอื่นระบุวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ค่าโดยสารของส่วนต่อขยายอยู่ที่ 15 บาท หรือบวกเพิ่ม 3-5 บาทจากค่าโดยสารสายหลัก โดยค่าโดยสารสูงสุดของโครงข่ายทั้งหมดไม่เกิน 45 บาท13... การทดลองเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) โดยไม่เก็บค่าโดยสารเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2568
โดยสรุป การเปิดให้บริการเต็มรูปแบบของรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเชื่อมต่อและกระตุ้นพื้นที่เมืองทองธานีและอิมแพ็ค โดยช่วยลดปัญหาการเดินทาง เพิ่มศักยภาพด้านอสังหาริมทรัพย์ สนับสนุนการลงทุนพัฒนาพื้นที่ และปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตของกิจกรรมและจำนวนผู้คนที่เดินทางเข้ามาในอนาคต