วิบากกรรมอสังหาฯ "เศรษฐกิจไทยถูกทุบป่น" ปั๊ม อย่างไรก็ ไม่ฟื้น

02 พ.ค. 2568 | 01:24 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2568 | 01:55 น.

กำแพงภาษี  “โดนัลด์ ทรัมป์” วิบากกรรมอสังหาฯเศรษฐกิจไทยถูกทุบป่นปั๊ม อย่างไรก็ ไม่ฟื้น สารพันปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า พิษ กำแพงภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” -IMF คาด จีดีพีไทย ปี68 โตแค่ 1.8% -World Bank ฟันธงจีดีพีไทยโต1.6 % ต่ำสุดในอาเซียน ทุบซ้ำด้วย "Moody" เล็งเครดิตเรตติ้งไทย จาก มีเสถียรภาพ เป็นเชิงลบ

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตกอยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”เหตุแผ่นดินไหวสร้างความโกลาหลยังไม่ทันจาง นโยบายกำแพงภาษี  “โดนัลด์ ทรัมป์”ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างความปั่นป่วนไปทั้งโลก  กระทบหนักภาคส่งออก ตลาดเงินตลาดทุน  พังพาบ ฉุดกลุ่มกำลังซื้อสูง นักลงทุน ทั้งไทยและต่างประเทศชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์ลง

ตลาดอสังหาฯ

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของปี 2568 ของโลกเติบโต 2.8 % ในขณะที่ไทยมีโอกาสเติบโตได้แค่ 1.8% สอดคล้องกับ การคาดการณ์ของธนาคารโลก (World Bank) ที่ระบุว่าจีดีพีไทยโตปี2568 จะเติบโตไม่เกิน1.6 % ต่ำสุดในอาเซียน

              ยกเว้นประเทศเมียนมาประเทศเดียวที่มีการสู้รบและแผ่นดินไหว และในปีหน้า 2569 คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทย จะเติบโตเหลือแค่ 1.8 %  หลังจากธนาคารโลกเคยประเมินไว้ที่2.9 %

              ที่ร้ายแรงกว่านั้น “มูส์ดี้” (Moody) หน่วยงานวัดระดับหรือสถานะ ทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก ที่เคยจัดเครดิตเรตติ้งให้แก่ประเทศไทยที่ระดับ Baa1 ที่เรียกว่ามีเสถียรภาพ (Stable) มานานหลายปี  มาบัดนี้ ได้ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยในเชิงลบ (Negative) เมื่อวันที่29 เมษายน 2568หากมีตัวฉุดสำคัญอย่างภาษีทรัมป์ อาจถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลงในอนาคต ซึ่งจะลดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลง

การประเมินของ มูส์ดี้ ครั้งนี้มีมูลเหตุ ความอ่อนแอของไทยที่ไม่สามารถก่อให้เกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการคลังได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสร้างความเข้มแข็งทั้งสองด้านของประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดของโควิดเป็นต้นมา

ย้อนไปก่อนหน้านี้ สมัย"รัฐบาลเศรษฐา" ได้คลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ออกมาหลายข้อ ไฮไลต์มาตรการลดค่าโอนจด-จำนอง ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน7ล้านบาท จากราคาไม่เกิน3ล้านบาทต่อเนื่องมาจาก"รัฐบาลพลเอกประยุทธ์"แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจ มาตรการครั้งนั้นช่วยได้ไม่มาก

วันนี้"รัฐบาลแพทองธาร" มีทั้งมาตรการลดค่าโอน-จำนอง และมี ไฮไลต์ ยกเลิกLTV กู้ได้100% รวมถึงปีนี้ลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว2รอบ และอาจมีรอบต่อๆไป มองว่าถึงอย่างไรก็ฟื้นยากสำหรับอสังหาริมทรัพย์ และต้องใช้เวลาอีกนาน ขณะสต๊อกรอระบายมีมากถึง กว่า2แสนหน่วย มูลค่ามากถึง1.3ล้านล้านบาท ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขณะสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อ

 

         

 

มาถึงจุดนี้ ประเมินว่า แม้ว่าจะมีมาตรการรัฐออกมาแข็งแกร่งขนาดไหน  ย่อมไม่สามารถต้านทานได้ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึง การผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการชั่วคราวกู้สินเชื่อได้ 100% ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจของผู้ประกอบการนำโดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ที่เหมือนอุตสาหกรรมนี้กำลังจะมีตัวช่วยที่ดี แต่กลับถูกกลืนหายไปจากคลื่นวิกฤตเศรษฐกิจ

มาตรการ กู้วิกฤตอสังหาฯ

โดยบทสรุป แม้ว่าได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ด้วยยาแรงหลายขนานอีกครั้ง ย่อมพยุงได้ยากยิ่ง จากปัจจัยเสี่ยงรอบทิศทาง ที่สำคัญสถาบันการเงินจะเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ฟันธงว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังต้อง เวียนว่ายอยู่ในวังวนแบบนี้อีกนาน  !!!

 

วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,093 วันที่ 4 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568