โควิดกระทบรายได้ กลุ่มมั่นคงฯ ไตรมาส 2 รุกขยายธุรกิจคลังสินค้าเพิ่ม

14 ส.ค. 2564 | 06:08 น.

MK เผยผลประกอบการ ไตรมาส 2 รายได้ลดลงอยู่ที่ 535.78 ล้านบาท หลังขายทรัพย์สินกว่า 130,000 ตร.ม. เข้ากอง REIT ขณะธุรกิจด้านสุขภาพ กระทบจากคำสั่งปิดประเทศ ส่งผลขาดทุนสุทธิ 68.90 ล้านบาท ลุ้นครึ่งปีหลัง วัคซีน คือ Game Changer ลุยขยายธุรกิจโรงงานและคลังสินค้า

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564) ว่า ครึ่งปีแรกบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,107.32 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2/ 2564 สามารถทำรายได้ 535.78 ล้านบาท ลดลง 36.7% เป็นผลจากบริษัทลูก บจ.พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ได้ขายทรัพย์สินกว่า 130,000 ตารางเมตร เข้ากอง REIT และธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพโครงการ รักษ (รัก-ษะ) ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการความคุมการแพร่ระบาดโควิด19 ของภาครัฐ  ซึ่งยังอยู่ในช่วงปิดประเทศ ทำให้ไม่สามารถรับลูกค้าจากต่างประเทศได้ ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิจำนวน 68.90 ล้านบาท

โควิดกระทบรายได้ กลุ่มมั่นคงฯ  ไตรมาส 2 รุกขยายธุรกิจคลังสินค้าเพิ่ม

อย่างไรก็ตามทาง รักษ ได้ปรับตัวเพื่อทำแพ็คเกจรองรับการให้บริการ คนในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเร่งการทำประชาสัมพันธ์และยังทำการตลาดร่วมกับคู่ค้าที่สำคัญ อาทิ กลุ่มโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และกลุ่มลูกค้าจากเครือไมเนอร์ กรุ๊ป เพื่อให้เกิดการรับรู้และดึงลูกค้าในประเทศเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง  


สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสที่ 2 มีรายได้รวม 400.27 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสแรก เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศษฐกิจภาพรวม กระทบต่อการตัดสินใจของลูกค้า ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน ทำให้ศักยภาพในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลง  อีกทั้งสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยมีอัตราการปฎิเสธสินเชื่อสูงถึง 50% อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการปรับแผนรับมือสถานการณ์ที่เกิดอย่างต่อเนื่อง เน้นกลยุทธ์การตลาดโดยการนำเอาดิจิทัลแพลตฟอร์มออนไลน์มาใช้ สร้างการรับรู้ผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียง (Influencer) เพื่อนำเสนอสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นใจในมาตรการเข้าเยี่ยมชมโครงการอย่างปลอดภัย ตลอดจนการจัดแคมเปญโปรโมชั่นเพื่อช่วยลดภาระของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 

โควิดกระทบรายได้ กลุ่มมั่นคงฯ  ไตรมาส 2 รุกขยายธุรกิจคลังสินค้าเพิ่ม
 

ด้านธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการทำรายได้  83.04 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนทั้งนี้เหตุผลสำคัญเพราะรายได้จากการให้เช่าและบริการพื้นที่ใน “โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน โดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” ลดลงเนื่องจากช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ของปีก่อน ทาง “พรอสเพคฯ” ได้ขายทรัพย์สินประมาณ 45% ของโครงการทั้งหมดเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (“กองทรัสต์”) และหากเปรียบเทียบรายได้ภายหลัง การขายทรัพย์สินบางส่วน

 

ไตรมาสนี้มีรายได้จำนวน 65.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28.4% จากไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน เป็นผลจากการพัฒนาพื้นที่ในโครงการที่เหลืออยู่ และสามารถเริ่มเปิดให้เช่าพื้นที่เพิ่มเติมโดยมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) ณ สิ้นไตรมาสสูงถึง 90% 

โควิดกระทบรายได้ กลุ่มมั่นคงฯ  ไตรมาส 2 รุกขยายธุรกิจคลังสินค้าเพิ่ม

ส่วนธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยมียอดรับรู้รายได้สำหรับไตรมาสนี้จำนวน 25.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงกว่า 200% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารทรัพย์สินในกองทรัสต์ ของ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และรายได้จากการจัดการกองทุนทรัสต์ของ บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผลให้กำไรขั้นต้นของธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 12.69  ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 61%  


แผนการดำเนินงานต่อไปสำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ โดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้จัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนอีก 2 บริษัท โดยบริษัทแรกจะดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงการที่บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และบริษัทร่วมลงทุนแห่งที่ 2 จะดำเนินการพัฒนาโครงการที่ วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งบริษัทร่วมทุนทั้ง 2 บริษัทนี้จะเริ่มพัฒนาโครงการตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้รายได้จากการให้เช่าและบริการมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่วางไว้ สำหรับธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีการเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้  

  โควิดกระทบรายได้ กลุ่มมั่นคงฯ  ไตรมาส 2 รุกขยายธุรกิจคลังสินค้าเพิ่ม
“จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 แม้ว่ามั่นคงฯ มีรายได้ลดลง แต่ด้วยการบริหารความเสี่ยงและการบริหารต้นทุนยังคงสามารถทำได้ดีกว่าปีทีผ่านมา โดยสามารถบริหารต้นทุนได้ลดลงถึง 242.41 ล้านบาท หรือลดลง 26.52% นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในธุรกิจตามแผนการปรับโครงการสร้างรายได้ กระจายความเสี่ยง และที่สำคัญบริษัทฯ ยังคงเน้นการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจมากกว่าการลดภาระหนี้สิน อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังมองว่า วัคซีน คือ Game Changer ถือเป็นความหวังที่จะเข้ามาช่วยทำให้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวม” นายวรสิทธิ์ กล่าว