กกต.ยันไม่ยื่นศาลรธน. ตีความปมแบ่งเขตนับรวมต่างด้าว 

08 ก.พ. 2566 | 07:35 น.

ประธาน กกต.ยันไม่ส่งยื่นศาลรธน.ตีความปมแบ่งเขตนับคำนวณต่างด้าวรวมจำนวนราษฎร ย้ำชัดปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญ ม.86

8 กุมภาพันธ์ 2566 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมหารือกับพรรคการเมือง เพื่อกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้งหารือเรื่องการติดป้ายประกาศ ติดแผ่นป้ายหาเสียง และวิธีสรรหาผู้สมัครของพรรคแบบไพรมารีโหวต เพื่อเตรียมความพร้อมเลือกตั้งส.ส.

นายอิทธิพร ประธาน กกต.กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งที่นำจำนวนราษฎรที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยมาคำนวณจำนวนส.ส.และแบ่งเขตเลือกตั้งว่า โดยยืนยันว่า กกต.ปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 86 บัญญัติไว้ ว่าให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งโดย ผอ.ทะเบียนกลางได้ประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2566 ว่ามีเท่าใด

โดยมีทั้งบุคคลที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย ถ้าพิจารณาถ้อยคำที่ใช้ จะเห็นว่าให้เอาจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรมาพิจารณา ซึ่งกกต.ยึดหลักการนี้ในการแบ่งเขตมาตลอด

เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่าจะมีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตีความคำว่า ราษฎรจะมีผลต่อการแบ่งเขตหรือไม่ นายอิทธิพร ยืนยันว่าเราทำตามที่กฎหมายเขียนไว้ ว่าให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศ

เมื่อถามว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เห็นว่า ควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อเป็นบรรทัดฐาน นายอิทธิพล กล่าวว่า เราเห็นว่าสิ่งที่เราพิจารณาเป็นไปตามข้อกฎหมายแล้ว เมื่อถามว่าหมายความว่า กกต.จะไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เวลานี้เราไม่ได้คิดอย่างนั้น

ส่วนผลของการหารือกับพรรคการเมืองเพื่อกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครนั้น กกต. กำหนดเป็นตุ๊กตาไว้ 3 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้ 

รูปแบบที่ 1 กกต.คิดเอง โดยคำนวณกับปัจจัย 7 ประการ ได้แก่ อัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ดัชนีราคาผู้บริโภค น้ำมันดีเซล ราคาไม้อัดขนาด 4X8 ฟุต หนา 4 มิลลิเมตร กระดาษโปสเตอร์ขนาด 15.5X21.5 (บาทต่อแผ่น) ค่าไวนิลขนาด1X3 เมตร (บาทต่อผืน) และฟิวเจอร์บอร์ด 130 เซนติเมตร X 3 มิลลิเมตร (บาทต่อแผ่น)

สภาอยู่ครบวาระ ผู้สมัครส.ส.เขต ใช้จ่ายได้คนละ 6.5 ล้านบาท และพรรคใช้จ่ายได้ 152 ล้านบาท

กรณียุบสภา ผู้สมัครส.ส.เขต ใช้จ่ายได้คนละ 1.74 ล้านบาท และพรรคใช้จ่ายได้ 40.6 ล้านบาท

รูปแบบที่ 2 นำปัจจัย 7 ประการ ไปหารือกับ 3 หน่วยงานทางเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ ทำให้จำนวนค่าใช่จ่ายของผู้สมัครเพิ่มขึ้นกว่าที่กกต.ตั้งตุ๊กตาไว้

รูปแบบที่ 3 เป็นข้อเสนอของ 3 หน่วยงาน ที่เห็นว่าควรคำนวณอัตราเงินเฟ้อรวมเข้าไปด้วย

ทั้งนี้ ทั้ง 3 รูปแบบ ได้เสนอให้ผู้แทนพรรค พิจารณาในที่ประชุมวันนี้ ซึ่งพรรคแสดงความเห็นหลากหลาย ทั้งเห็นว่าเหมาะสมแล้ว มากเกินไป หรือน้อยเกินไป โดยกกต.มีแบบสอบถามความเห็นให้พรรค แสดงความเห็นว่าพึงพอใจรูปแบบใด

จากนั้นสำนักงานกกต.จะนำความเห็นมาประมวล และส่งให้ที่ประชุมกกต. พิจารณาว่าเท่าใดจึงจะเหมาะสมก่อนออกประกาศ

ส่วนการติดป้ายหาเสียงประเด็นที่พรรคสอบถาม คือ ติดป้ายไว้ที่ใดบ้างซึ่งมีข้อเสนอว่า กกต.ควรเป็นผู้กำหนดสถานที่ติดป้ายประกาศ ส่วนขนาดของป้าย มีทั้งที่มองว่าที่กกต.กำหนดใหญ่หรือเล็กเกินไปแทนที่จะให้พรรคเป็นผู้ดำเนินการ กกต.ควรเป็นคนกำหนด