จากกรณีที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ จับตาการลงพื้นที่หาเสียง ของรัฐมนตรี พรรคการเมืองและผู้สมัคร หากพบมีการกระทำที่เข้าข่ายขัดกฎหมายให้รายงานทันทีนั้น
วันนี้ (19 ม.ค.66) เลขาฯกกต.ย้ำว่าขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ให้หาเสียงได้ ในส่วนของตัวบุคคล อาจยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการสมัครหรือไม่ แต่ก็ต้องเก็บเป็นข้อมูลไว้ ถ้ามีการสมัครก็ต้องนำข้อมูลมาพิจารณา
แต่หากเป็นการกระทำของพรรคถือว่าเกี่ยวข้องกับผู้สมัครอยู่แล้ว การสั่งการดังกล่าวจึงเป็นการเตรียมข้อมูลของ กกต. ที่ต้องการให้การเลือกตั้งมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
นายแสวง กล่าวอีกว่า ช่วงนี้อาจจะมีการลงพื้นที่ถี่ ก็ไม่อยากให้ใครครหาว่ากกต.ทำหน้าที่หรือไม่ในการดูแลรักษากติกาการแข่งขัน ซึ่งถ้าท่านไปทำหน้าที่ตามปกติก็ไม่เป็นไร
แต่จริงๆที่ลงไปไม่ใช่แค่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้นที่ต้องระวัง ข้าราชการในพื้นที่ก็ต้องระมัดระวังเช่นกันเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องอย่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการให้คุณให้โทษกับผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
ในข้อเท็จจริงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดจะทราบและติดตามความเคลื่อนไหวของว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่อยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่แต่ก็ได้กำชับว่าหากมีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงเป็นปัญหาก็ให้มีการรายงานมายังตนทันที
ถ้าเป็นลักษณะปกติก็ให้เก็บเป็นข้อมูลไว้ ในอดีตการหาเสียงจะมีความเข้มข้นหลังจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง แต่ขณะนี้กฎหมายเปลี่ยนไปกำหนดให้สามารถหาเสียงได้ในช่วง 180 วันก่อนครบวาระแต่ความเข้มข้นของการหาเสียงอาจจะยังไม่มาก
ประกอบกับผู้สมัครยังไม่ทราบเรื่องของเขตเลือกตั้งว่าจะเป็นอย่างไรทำให้การหาเสียงยังไม่มีอะไรที่ถึงขั้นละเมิดกฎหมาย แต่ก็อาจจะมีการกระทำที่หมิ่นเหม่ ซึ่งที่ผ่านมาผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดก็จะมีการแนะนำว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่อยู่แล้วว่าอะไรทำได้ไม่ได้ และส่วนตัวยังเชื่อว่าไม่ว่าผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆเมืองต่างเข้าใจกฎหมายดี