วันที่ 13 ธ.ค. 2568 มีรายงานแจ้งว่า บริเวณพื้นที่เนิน 677 ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี พบกำลังพลไทย ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย
1.พลโชคชัย เนียมแสงเจ็บแขน 2 ข้าง (เคสแดง)
2.จ.ส.ต.นพนันท์ จันดาแดง โดนที่ ขาแขน (เคสเหลือง)
3.พลฯ คอลิต หมุดกะเหล็ม โดนที่หลัง (เคสเหลือง)
นอกจากนี้ยังมีกำลังพลเสียชีวิตอีกจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย
1. จ.ส.อ.ดำรงเกียรติ แก้วกระจ่าง
2. พลฯ มุสตากีม เจ๊ะมะ
3. จ.ส.อ.ทวีรัตน์ รัตนบุรี
4. พลฯ ทหารราบ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินทางไปเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าสิบเอก ศตวรรษ สุจริต ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง ไทย-กัมพูชา ที่วัดพรหมพิทักษ์วนาราม หมู่ที่ 9 ต.รอบเมือง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
ก่อนออกเดินทาง นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์กรณี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุกรณีทหารไทยขาขาดเป็นอุบัติเหตุว่า “ผมตอบไปแล้วเมื่อเช้า”
เมื่อถามว่าที่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกันเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ได้มีการพูดคุยตกลงเรื่องการหยุดยิงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย ยังไม่มีการตกลงใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการหารืออัปเดตกันธรรมดา และยืนยันไปว่าเรื่องของความขัดแย้งระหว่างประเทศนั้น ทั้งสองประเทศก็ต้องดำเนินการในการปกป้อง ซึ่งประเทศไทยเองก็ต้องดำเนินการปกป้องอธิปไตยและประชาชนอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่าหมายความว่านี่ก็เป็นความหมายที่กัมพูชาน่าต้องรู้ว่าไทยจะยังไม่หยุดยิง นายอนุทิน กล่าวว่า เขาไม่ได้มีการพูดว่าจะต้องหยุดยิงหรือไม่หยุดยิง
เมื่อถามย้ำว่าแล้วเราได้บอกเขาหรือไม่ว่าเราจะยังไม่หยุดยิง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้บอก เราก็ทำตามภารกิจของเราที่มี
เมื่อถามว่าเราก็ไม่ต้องไปฟังโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความแบบนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ไม่อยากพูดอะไรอย่างนั้น เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องที่เราต้องให้เกียรติมิตรประเทศของพวกเราทุกคน ไม่มีความจำเป็นใดๆต่อล้อต่อเถียง เราก็ดำเนินการตามที่เราเห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์
เมื่อถามว่าการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ระบุว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงเป็นการมัดมือชกหรือไม่ เพราะในการหารือไม่ได้มีการตกลงแบบนี้ นายอนุทิน กล่าวย้อนถามว่า “แล้วหยุดยิงไหมล่ะ เมื่อเช้านี้กัมพูชายิงอาวุธหนักเข้ามา ยิงเข้ามาในเขตที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร”
“เมื่อเช้านี้ กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกในพื้นที่พลเรือน ซึ่งมีพี่น้องประชาชนอยู่จนทำให้บาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะ ฉะนั้นตอนนี้ประเทศไทยต้องฟังใครไหม มัวไปฟังใครได้หรือไม่ มัวไปฟังคนนั้นคนนี้จะมีเวลามาคุ้มครองอธิปไตยของเราหรือคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้หรือไม่“