เทียบจุดต่าง ปม 'ทรัมป์' โทรเคลียร์ 'อนุทิน-ฮุน มาเนต' สรุปคุยอะไรกัน?

13 ธ.ค. 2568 | 05:31 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2568 | 05:47 น.

อ่านชัด เทียบข่าวหลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ยกหูโทรเคลียร์ 2 ผู้นำไทย-กัมพูชา 'อนุทิน-ฮุน มาเนต' หวังยุติการสู้รบ สรุปแล้วเขาคุยว่าอะไรกัน หลังพบการออกมาให้ข่าวแสดงท่าที่ไม่ตรงกัน?

KEY

POINTS

  • โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าเหตุปะทะชายแดนเป็น "อุบัติเหตุ" ขณะที่นายกฯ อนุทินยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงและวางทุ่นระเบิดใหม่ ส่วนฮุน มาเนต เสนอให้ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมพิสูจน์ว่าใครเริ่มก่อน
  • ทรัมป์โพสต์ว่าผู้นำไทยและกัมพูชา "ตกลงหยุดยิงทั้งหมด" แต่ฝ่ายไทยปฏิเสธ โดยนายกฯ อนุทินระบุว่าได้บอกให้ทรัมป์ไปแจ้งกัมพูชาให้เป็นฝ่ายหยุดยิงและถอนกำลัง
  • นายกฯ อนุทินย้ำว่าไทยจะปฏิบัติการทางทหารต่อไปจนกว่าภัยคุกคามจะหมดไป และยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิง ถอนทหาร และเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กับผู้นำ 2 ประเทศ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568

ปรากฏว่าหลังจากนั้นผู้นำแต่ละฝ่ายได้แถลงและโพสต์ข้อความต่อสาธารณะที่เผยให้เห็นถึงความเห็นที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในเรื่องสาเหตุของการปะทะและเงื่อนไขการยุติความขัดแย้ง

อนุทิน ชาญวีรกูล

เนื้อหาการแถลงข่าวของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย ปรากฏอย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลา 21.20 น. ณ ห้องโดมทอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยเข้าร่วมรับฟังด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในเวลา 22.00 น. ณ โถงบันได ตึกไทยคู่ฟ้า

นายกฯ ยืนยันว่าประเทศไทยจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป ("will continue to perform military actions") จนกว่าจะไม่รู้สึกถึงความเสียหายและภัยคุกคามต่อแผ่นดินและประชาชนชาวไทยอีกต่อไป

นายอนุทินย้ำว่า "ต้องการทำให้ชัดเจน การกระทำของเราเมื่อเช้านี้ได้พูดแทนแล้ว"

ส่วนจุดยืนและเงื่อนไขการหยุดยิงต่อประธานาธิบดีทรัมป์นั้น ในการหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อยู่ในปฏิญญาร่วมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์มาโดยตลอด

นายกฯ ชี้แจงว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดปฏิญญาดังกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยสูญเสียอวัยวะ ชีวิต และทรัพย์สิน สิ่งที่ไทยทำคือการ "ตอบโต้เท่านั้น" เพื่อป้องกันอธิปไตย ดินแดน ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนชาวไทย

นายอนุทิน ยอมรับว่าประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้มีการหยุดยิง แต่ได้เรียนไปว่า "ขอให้ไปบอกฝ่ายกัมพูชาดีกว่า"

"เงื่อนไขที่กัมพูชาต้องดำเนินการคือ ต้องออกมาบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง ถอนกำลังออกไป และ เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางเอาไว้ออกไปให้หมด"

นายกฯ ระบุว่าทุ่นระเบิดใหม่ที่กัมพูชาวางไว้เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทุ่นระเบิดใหม่นี้ได้รับการยืนยันจาก AOT เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งวาง

นายอนุทินย้ำหลักการว่า ฝ่ายที่ละเมิดปฏิญญาต้องเป็นฝ่ายที่แก้ไข ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกกระทำต้องเป็นฝ่ายแก้ไข

สำหรับประเด็นอัตราภาษีการค้าสหรัฐ ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายถามถึงประเด็นนี้เอง และให้สัญญาว่าจะให้ประเทศไทยได้รับอัตราภาษีที่ดีกว่าประเทศอื่น

นายฮุน มาเนต 

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา ได้โพสต์เฟซบุ๊กเสนอแนวทางการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับผู้ที่เปิดฉากการสู้รบครั้งใหม่

โดยหยิบยกข้อเสนอนี้ขึ้นมาหารือระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 และ 12 ธ.ค. รวมถึงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาด้วย

นายกฯ กัมพูชาเสนอแนะต่อผู้นำทั้งสองว่า กองทัพหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียสามารถใช้ขีดความสามารถในการรวบรวมข้อมูล รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม

ภาพถ่ายดาวเทียมที่ว่านี้ควรเป็นภาพที่บันทึกไว้ในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสู้รบรอบใหม่ และภายใน 24 ชั่วโมงถัดมา

ส่วนวัตถุประสงค์ของการตรวจสอบคือเพื่อหาว่า ฝ่ายใดเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน "ฮุน มาเนต" ระบุว่า นี่อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและโปร่งใสที่สุดในการตรวจสอบเหตุการณ์ และกัมพูชาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในทุกวิถีทางที่จำเป็น

พร้อมยังย้ำถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี ตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดเผยข้อสรุปของการหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำไทยและกัมพูชาผ่านทาง X (ทวิตเตอร์เดิม)

ทรัมป์ระบุว่าเขามีการสนทนาที่ดีมากกับนายกรัฐมนตรีอนุทินและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เกี่ยวกับการปะทุขึ้นมาใหม่อย่างน่าเสียดายของสงครามที่ดำเนินมายาวนาน

ทรัมป์ประเมินสาเหตุความขัดแย้งว่า เหตุระเบิดริมถนน (roadside bomb) ที่เดิมทีทำให้ทหารไทยจำนวนมากเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น "was an accident" (เป็นอุบัติเหตุ) แม้จะถือเป็นอุบัติเหตุ แต่ประเทศไทยก็ตอบโต้อย่างแข็งกร้าว 

ทรัมป์ประกาศว่าผู้นำทั้งสองประเทศได้ ตกลงที่จะยุติการยิงทั้งหมดให้มีผลตั้งแต่เย็นวันนี้เป็นต้นไป ("CEASE all shooting effective this evening")

ทั้งสองประเทศจะกลับไปใช้ข้อตกลงสันติภาพดั้งเดิม (original Peace Accord) ที่ทำไว้กับทรัมป์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย

ทรัมป์กล่าวเสริมว่า ทั้งสองประเทศพร้อมสำหรับสันติภาพและพร้อมสำหรับการค้าขายกับสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

ต่อมา นายอนุทินได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ โดยระบุเป็นภาษาอังกฤษว่า "definitely not a roadside accident" (ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุริมถนนอย่างแน่นอน)