เลขากกต. รับ กม.เปิดช่องขยายวันเลือกตั้งเกิน 60 วันเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา

12 ธ.ค. 2568 | 12:40 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ธ.ค. 2568 | 12:42 น.

เลขา กกต. เผย กม.เปิดช่องขยายวันเลือกตั้งเกิน 60 วันเหตุสู้รบ ทำรัฐบาลอยู่ยาว สงบค่อยจัดเลือกตั้งใน 30 วัน ส่วนประชามติย่น ย่อเวลาได้ แต่เป็นไปได้สูงไม่ได้ทำพร้อมเลือกตั้ง

12 ธันวาคม 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์กรณีอาจมีการขยายวันเลือกตั้ง ส.ส. เกินกว่า 60 วันทำให้รัฐบาลรักษาการอยู่ยาวว่า ดูเงื่อนไขตามกฎหมาย พอมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ภายใน 5 วัน กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งเขตเลือกตั้ง นั่นคือ ภายใน 5 วัน ต้องมีวันเลือกตั้ง ส่วนสถานการณ์จริงจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน

"ในทางกฎหมายมีช่องทางแก้ไขได้ทุกเรื่อง ที่คนกังวล คือ จะกระทบกรณีที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าให้กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศซึ่งตอนนี้มีสถานการณ์สู้รบที่จังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยในรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ระบุว่า

หากมีเหตุจำเป็นไม่สามารถจัดการเลือกตั้งตามวันที่กกต.ประกาศ กำหนดได้ ให้กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เหตุนั้นสิ้นสุดลง นี่คืออำนาจ กกต. แต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น ยังบอกไม่ได้ "

เมื่อถามว่า เป็นการขยายทั้งประเทศ หรือเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหา นายแสวง กล่าวว่า มาตรา 104 นั้นใช้กับทั้งประเทศ ต่างกับที่ศรีสะเกษ ที่มีการใช้มาตรา 102 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส ที่มีเหตุบางหน่วย บางพื้นที่ เป็นการกำหนดวันลงคะแนนใหม่  แต่อันนี้คือการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ทั่วประเทศ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร 

เมื่อถามว่า หากเหตุสู้รบชายแดนยืดเยื้อ ไม่สามารถมีการเลือกตั้งได้ใน 60 วัน ก็ต้องขยายเวลาออกไปอีกหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ต้องดู เวลาที่กกต.พิจารณา เหมือนที่จังหวัดศรีสะเกษ การเลือกตั้งต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม

คนที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง คือ กปน. ผู้สมัคร หาเสียง รวมถึงประชาชนผู้มีสิทธิ เราต้องดูความสะดวก ความปลอดภัยของเขาด้วย ซึ่งกกต.ต้องนำมาพิจารณาและข้อเท็จจริงในพื้นที่มีการประเมินสถานการณ์ ผอ.กกต.จังหวัดมีการรายงานมาทุกวันว่า อะไร เป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่วันเลือกตั้งอย่างเดียวเท่านั้น แต่หลังมีพระราชกฤษฎีกาแล้ว กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง จะมีกระบวนการตั้งแต่การรับสมัคร การหาเสียง เราต้องพิจารณาให้หมด 

เมื่อถามว่า แปลว่าต้องรอให้เหตุการณ์สงบโดยสิ้นเชิงก่อนถึงจะประกาศวันเลือกตั้งสำหรับทั้งประเทศได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรามีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะต้องดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความสะดวกปลอดภัยของผู้มีสิทธิ์ เราต้องดูทั้งหมด 

เมื่อถามย้ำว่า มีการมองว่าในพื้นที่อื่นที่ไม่มีเหตุรุนแรง ยังจำเป็นต้องรอหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า มีทางออก มีเงื่อนไขทางกฎหมาย ซึ่งเราไม่รู้ และไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์จะจบเมื่อใด แต่ทางออกตามกฎหมาย เป็นทางออกแรกที่เรามีอยู่ ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะทำนอกจากนี้ยังมีทางออกอื่นอีก คือ การลงทะเบียนออกเสียงลงคะแนนล่วงหน้า แล้วเอาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนข้างนอกซึ่งถ้าเช่นนี้ไม่ต้องเลื่อนก็ได้ เราจึงต้องประเมินสถานการณ์ก่อนว่า อะไรจะเกิดประโยชน์กับส่วนรวมมากที่สุด 

เมื่อถามย้ำว่า การจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วัน หลังเหตุสงบ สามารถขยายได้อีกหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ถ้าเอาตามกฎหมาย เหตุสิ้นสุดลง แปลว่าไม่มีเหตุอีกแล้ว ก็จัดเลือกตั้งได้อยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่า ยังมีทางออกอื่น และกกต.ต้องมีการประเมินสถานการณ์ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะจัดการเลือกตั้งในศูนย์อพยพ เลขาฯ กกต. กล่าวว่า เรื่องนี้มีการประชุมกับผู้รับผิดชอบ อย่างกรณีคนพิการจะมีกฎหมายรองรับเป็นการเฉพาะ แต่กรณีศูนย์อพยพไม่มีกฎหมายเฉพาะ ต้องใช้วิธีลงทะเบียน แล้วกกต.จัดพาหนะพาคนไปลงทะเบียนยังสถานที่ลงคะแนนล่วงหน้า แล้วสุดท้ายก็มีการเลือกตั้งตามกฎหมายสำหรับคนที่ไม่ได้ลงคะแนนล่วงหน้า อันนี้เป็นรายละเอียด แต่อยากให้มั่นใจว่า กกต.จะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงความสะดวกปลอดภัยของประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้หาเสียง

ส่วนระยะเวลาที่ยืดออกไปจะทำให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบของพรรคการเมืองหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ยืดเวลา ตอนนี้ยังเป็นตามกำหนดพระราชกฤษฎีกา แต่เรื่องเวลาเราต้องนำมาคำนวณทุกอย่างเพื่อให้การแข่งขันอย่างเป็นธรรม 

ในส่วนของการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญยังสามารถจัดในวันเดียวกับการเลือกตั้งได้หรือไม่ เลขาฯ กกต. กล่าวว่า ถ้าเอาเวลาตามกฎหมาย กำหนดการเลือกตั้ง สส. ไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60วัน แต่ประชามติ คือต้องไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน150 วันซึ่งมาตรา 11 ของประชามติระบุว่า เพื่อประหยัดงบประมาณก็สามารถทำให้น้อยกว่า 60 วันได้ จึงต้องมาดูซึ่งน่าจะใช้เวลามากกว่าเพราะอย่างน้อยงานธุรการต้องมีการพิมพ์ประเด็นแจกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อทำความเข้าใจรวมถึงจัดเวทีแสดงความคิดเห็นที่คงมีหลายรูปแบบ ต้องมาดูว่า กิจกรรมของประชามติที่กฎหมายกำหนด แต่ละกิจกรรมนั้นขั้นต่ำกำหนดไว้แค่ไหน ซึ่งกกต.ทำได้อยู่แล้ว แต่จะเพียงพอสำหรับประชาชนในการทำความเข้าใจรายละเอียดหรือไม่ 

"ถ้าคำนวณขั้นต่ำ 40-50 วัน แต่กระบวนการประชามติยังไม่ได้เริ่มเลย ทั้ง ๆ ที่เวลาของการเลือกตั้ง สส.เดินหน้านับ 1, 2, 3 แล้ว แต่ประชามติยังไม่ได้แจ้งมายังกกต.เลย จะแจ้งวันไหนก็ยังไม่ทราบ ดังนั้นจะทำร่วมกันวันเดียวเลยนั้นจึงยังตอบไม่ได้"

นายแสวง กล่าวด้วยว่า การประชุมกกต.ในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ จะเป็นเรื่องของการแบ่งเขต วันอังคารจะเป็นเรื่องการประกาศกำหนดวันรับสมัครรับเลือกตั้ง และวันเลือกตั้ง และหลังจากนั้นกฎหมายให้เป็นอำนาจของ กกต.ในการพิจารณาเรื่องการเลื่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งเราติดตามสถานการณ์และฟังข้อมูลตลอด

เหมือนกรณีการเลือกสส.แทนตำแหน่งที่ว่างที่ศรีสะเกษ กกต.ต้องฟังข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง ประชาคมหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มฟังแล้ว แต่ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ว่า ระยะเวลาที่จะประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งนั้นจะเป็นเมื่อไรแต่ต้องเป็นเหตุตามกฎหมาย

ไม่ใช่ว่า อยู่ดี ๆ กกต.ไปประกาศเลื่อนเลย เราประเมินสถานการณ์วันต่อวัน อย่างไรก็ตามมันมีทางออกทุกเรื่อง อยู่ที่ กกต. พิจารณา เช่น จะใช้มาตรมา 104 หรือจะบริหารเฉพาะสถานการณ์นั้นเป็นพื้นที่พิเศษก็มีกฎหมายให้ทำอยู่ กกต.ต้องชั่งน้ำหนักว่า มันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ซึ่งกรณีนี้ไม่สามารถใช้มาตรา 102 ของ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. ให้เลื่อนวันลงคะแนน เพราะจะทำให้การเลือกตั้งทั่วประเทศไม่ใช่วันเดียวกัน 

ผู้สื่อข่าวถาม ตอนท้ายว่า กรณีเช่นนี้จะทำให้ถูกร้องเป็นโมฆะหรือไม่ นายแสวง ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว