KEY
POINTS
การเมืองไทยเข้าสู่ “โหมดเลือกตั้ง” อย่างเต็มรูปแบบทันที ภายหลังพระราชกฤษฎีกายุบสภา ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2568 นำไปสู่การนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ ซึ่งตามไทม์ไลน์ที่คาดหมายอย่างเป็นทางการ จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
ในชั่วเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนนี้ ทุกพรรคต้องเร่งเดินเครื่องทั้งการคัดสรรผู้สมัคร การเตรียมเอกสาร และการจัดโครงสร้างการรณรงค์หาเสียงภายใต้กฎหมายเข้มงวดที่บังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบทันทีที่ พ.ร.ฎ.ยุบสภามีผล
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่นักการเมืองทุกค่ายต้องจับตา คือ “เส้นตายการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง” ซึ่งเป็นเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญที่สามารถ “ชี้เป็น–ชี้ตาย” โอกาสลงสมัคร ส.ส. ของบุคคลได้เลยทีเดียว
30 วันนับถอยหลังสังกัดพรรคให้ทัน
รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 97 วางคุณสมบัติของบุคคลที่จะลงสมัครเป็น ส.ส. ไว้อย่างเคร่งครัด โดยมีเงื่อนไขสำคัญดังนี้
(1) ต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด
เพื่อยืนยันสายสัมพันธ์โดยกำเนิดกับประเทศ
(2) ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีในวันเลือกตั้ง
ตัดตัวเลือกกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ออกโดยอัตโนมัติ
(3) ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวต่อเนื่อง “ไม่น้อยกว่า 90 วัน”
แต่ในกรณีมีการ “ยุบสภา” เกณฑ์นี้จะลดลงเหลือเพียง 30 วัน เพื่อรองรับสถานการณ์เลือกตั้งเร่งด่วน
นี่คือกติกาที่ทำให้ช่วงเวลานับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป กลายเป็น “หน้าต่าง 30 วันทองคำ” สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน หากไม่ได้สังกัดพรรคอย่างถูกต้องทันตามเส้นตาย จะหมดสิทธิสมัครทันทีโดยไม่สามารถแก้ไขได้
จากไทม์ไลน์การเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 หมายความว่า ผู้ที่จะลงสมัครส.ส.ต้องมีสถานะสมาชิกพรรค ไม่ช้ากว่า 9 มกราคม 2569 เท่านั้น
แรงสั่นสะเทือนทุกพรรค
ภายหลังการยุบสภา พรรคการเมืองต่างๆ เร่งประชุมฉุกเฉินเพื่อจัดการโครงสร้างผู้สมัครให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่ต้องส่งครบ 400 เขตเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทย กำชับลูกพรรคให้รีบถอนป้ายเก่าขนาดเกินกฎหมาย
เร่งย้ำเตือนเรื่องกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง
และกำหนด “เดดไลน์จริง” 15 ธันวาคม 2568 สำหรับส่งรายชื่อผู้สมัครครบทุกเขต ก่อนส่งงานเข้าส่วนกลางภายในวันที่ 21 ธันวาคม ตามกฎหมาย
ไม่เพียงเพื่อความพร้อม แต่ยังเพราะต้องกันความเสี่ยงเรื่อง คุณสมบัติทางกฎหมาย ที่หากผิดพลาด เพียง “เอกสารชิ้นเดียว” ก็ถูกตัดสิทธิทั้งพรรคได้
เอกสารภาษี–หลุมพรางผู้สมัครตกม้าตาย
อีกหนึ่งปัญหาที่พบแทบทุกการเลือกตั้ง คือ เอกสารด้านรายได้–ภาษีของผู้สมัคร ซึ่ง กกต. กำหนดให้ต้องยื่น “ย้อนหลัง 3 ปี”
แม้จะยังไม่เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ แต่พรรคต่างๆ ต้องเร่งตรวจสอบเอกสารสมาชิกให้พร้อม เพราะเคยเกิดกรณี
- เอกสารภาษีหาย
- รายได้ไม่ตรง
- ส่งภาษีย้อนหลังไม่ทัน
- หรือลงปีภาษีผิด
เรื่องเหล่านี้สามารถทำให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. “จบเกม” ก่อนถึงวันรับสมัครอย่างเป็นทางการได้ทันที
ผลกระทบต่อกลุ่มย้ายพรรค–หาที่ลง
การเลือกตั้งแบบยุบสภาครั้งนี้ ทำให้เกณฑ์ 30 วัน กลายเป็นปัจจัยเร่งตัวสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มเหล่านี้
- ส.ส.ที่กำลังย้ายพรรคใหม่
- ผู้สมัครหน้าใหม่กำลังหาพรรคลง
- นักการเมืองท้องถิ่นที่ต้องการก้าวสู่เวทีระดับชาติ
- กลุ่มการเมืองเฉพาะกิจที่กำลังเจรจาจะเทคโอเวอร์พรรคเล็ก
ทุกการเซ็นใบสมัครต้องทำให้ถูกกฎหมาย ภายในกรอบเวลา หากช้าเพียงวันเดียว ก็จะหมดสิทธิลงสมัครทันที
30 วันที่เปลี่ยนผลเลือกตั้งทั้งประเทศได้
การยุบสภา 12 ธันวาคม 2568 ไม่ใช่เพียงจุดเริ่มต้นของการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังเป็น “ตัวแปรกฎหมาย” ที่สั่นสะเทือนแผงผู้สมัครทุกพรรค
- ผู้ที่ไม่สังกัดพรรคก่อน 9 มกราคม 2569 จะลงเลือกตั้งไม่ได้
- พรรคที่จัดผู้สมัครไม่ครบ อาจเสียเปรียบทั้งคะแนนเขต และ บัญชีรายชื่อ
-ทุกฝ่ายต้องเร่งตรวจเอกสาร–ตัวแทนจังหวัด–ผู้แจ้งเบาะแสทุจริตให้ครบตามเงื่อนไข กกต.
จึงไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่า เส้นตาย 30 วันนี้ คือ การสอบข้อเขียนครั้งใหญ่ ของทั้งผู้สมัคร และ โครงสร้างพรรคการเมือง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนด “แผนที่การเมืองไทย” ตลอด 4 ปี หลังจากนี้
นี่คือ “ศึกเลือกตั้ง 2569” ที่เริ่มต้นก่อนวันหย่อนบัตรจริงเสียอีก เริ่มตั้งแต่การ “แข่งกับเวลา” เพื่อรักษาสิทธิลงสมัครให้ได้ตามกฎหมาย
รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง ฐานเศรษฐกิจออนไลน์