KEY
POINTS
สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 มีแนวโน้มทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ใส่พื้นที่บ้านเรือนประชาชนในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงเช้า
ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติที่มุ่งเป้าโจมตีพื้นที่พลเรือนของประเทศไทย กองทัพบกจึงได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการปฏิบัติการตอบโต้และเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย
กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด ได้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง
โดยตั้งแต่เวลา 06.50 น. ทภ.1 ได้แจ้งให้อพยพประชาชนในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว และแจ้งเตือนผ่าน SMS ให้ประชาชนอพยพเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราวเมื่อเวลา 07.40 น. ในขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วประกาศงดให้บริการโรงพยาบาลในพื้นที่ 4 อำเภอเป็นการชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์สู้รบ
การตอบโต้และการยึดคืนพื้นที่:
เมื่อเวลา 13.40 น. กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) ตรวจพบการยิงกระสุนปืนเล็กจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจาน จึงได้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง เพื่อปกป้องชีวิตและอธิปไตยของไทย
เวลา 14.20 น. ทภ.1 ได้ดำเนินกลยุทธ์ที่หมายทางทหารเพื่อยึดคืนอธิปไตยของไทย ใน 3 พื้นที่ชายแดน ได้แก่ บ้านหนองจาน, บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา และสามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปฏิบัติการได้บางส่วน
เวลา 17.00 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 (ฉก.12) สามารถเข้ายึดและควบคุมที่หมายบริเวณบ้านไปรจันตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้วได้เป็นที่เรียบร้อย
ความสูญเสียและผลกระทบต่อพลเรือน:
มีกำลังพลของไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาจำนวนรวม 3 นาย โดย 1 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณปากในพื้นที่อำเภอตาพระยา และอีก 2 นาย ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ทั้งหมดอาการปลอดภัย
เกิดความสูญเสียกับพลเรือน โดยมีพระสงฆ์อายุ 82 ปี วัดเนินสมบูรณ์ อำเภอตาพระยา มีอาการหัวใจล้มเหลวและมรณภาพ เนื่องจากตกใจเสียงปืนใหญ่
สำหรับการอพยพประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ ทภ.1 มีการอพยพแล้ว 175,807 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยมีผู้อพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดสระแก้วรวมทั้งหมด 9,630 คน
กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ชี้แจงว่า ปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดเป็นการตอบโต้การปฏิบัติการของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทยและความปลอดภัยของประชาชน โดยยึดหลักสากลของการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence)
และหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) อย่างเคร่งครัด เพื่อยับยั้งและทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร เป้าหมายการโจมตีจะเน้นเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการทางทหาร และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
ปฏิบัติการที่สำคัญ 5 เป้าหมาย ได้แก่:
สถานการณ์อพยพประชาชน:
ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทภ.2 ครอบคลุม 12 อำเภอ ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ มีประชาชนได้รับการอพยพแล้วจำนวน 262,409 คน คิดเป็นร้อยละ 68 ของพื้นที่ทั้งหมด
ทั้งนี้ กองทัพบกได้ร่วมกับทุกหน่วยงานในพื้นที่จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมเน้นการดูแลกลุ่มเปราะบาง และเตรียมมาตรการรองรับตามแผนเผชิญเหตุในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองสูงสุด
กองทัพภาคที่ 2 คาดการณ์ว่า ในห้วงเวลากลางคืนฝ่ายกัมพูชาอาจมีการใช้อาวุธจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงต่อประชาชนพลเรือนอีกครั้ง โดยเพ่งเล็งพื้นที่เดิมที่เคยถูกยิง ทำลาย เพื่อสร้างความสับสนให้กับสนามรบ
ยืนยันว่า ทภ.2 จะรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น