กองทัพภาค 1-2 สรุปผลปฏิบัติการ-ยึดคืนพื้นที่ชายแดนกัมพูชา 8 ธ.ค. 68

08 ธ.ค. 2568 | 14:29 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2568 | 14:52 น.

ทัพภาค 1 ยึด 3 พื้นที่สำคัญชายแดน จ.สระแก้ว หลังกัมพูชายิงปืนเล็กใส่ไทย เร่งอพยพประชาชนรวม 9,630 คน ด้านทัพภาค 2 ทำลาย 5 เป้าหมายทางทหาร ยืนยันการป้องกันตนเองตามหลักสากล หลังกัมพูชายิง BM-21 โจมตีพลเรือน

KEY

POINTS

  • กองทัพภาคที่ 1 และ 2 เปิดปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 โจมตีพื้นที่พลเรือนใน จ.บุรีรัมย์
  • กองทัพภาคที่ 1 สามารถยึดคืนพื้นที่ชายแดน 3 แห่งใน จ.สระแก้ว ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 โจมตีเป้าหมายทางทหาร 5 แห่ง เช่น ทำลายตึกเครือข่ายสแกมเมอร์และเข้าควบคุมปราสาท
  • มีการอพยพประชาชนในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองกองทัพภาครวมกว่า 4 แสนคน มีรายงานทหารบาดเจ็บ 3 นาย และพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย

สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 มีแนวโน้มทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ใส่พื้นที่บ้านเรือนประชาชนในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงเช้า

ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติที่มุ่งเป้าโจมตีพื้นที่พลเรือนของประเทศไทย กองทัพบกจึงได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการปฏิบัติการตอบโต้และเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย

สรุปสถานการณ์และปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 1 (จ.สระแก้ว)

กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด ได้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง

โดยตั้งแต่เวลา 06.50 น. ทภ.1 ได้แจ้งให้อพยพประชาชนในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว และแจ้งเตือนผ่าน SMS ให้ประชาชนอพยพเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราวเมื่อเวลา 07.40 น. ในขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วประกาศงดให้บริการโรงพยาบาลในพื้นที่ 4 อำเภอเป็นการชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์สู้รบ

กองทัพภาค 1-2 สรุปผลปฏิบัติการ-ยึดคืนพื้นที่ชายแดนกัมพูชา 8 ธ.ค. 68

การตอบโต้และการยึดคืนพื้นที่:

เมื่อเวลา 13.40 น. กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) ตรวจพบการยิงกระสุนปืนเล็กจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจาน จึงได้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง เพื่อปกป้องชีวิตและอธิปไตยของไทย

เวลา 14.20 น. ทภ.1 ได้ดำเนินกลยุทธ์ที่หมายทางทหารเพื่อยึดคืนอธิปไตยของไทย ใน 3 พื้นที่ชายแดน ได้แก่ บ้านหนองจาน, บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา และสามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปฏิบัติการได้บางส่วน

เวลา 17.00 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 (ฉก.12) สามารถเข้ายึดและควบคุมที่หมายบริเวณบ้านไปรจันตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้วได้เป็นที่เรียบร้อย

ความสูญเสียและผลกระทบต่อพลเรือน:

มีกำลังพลของไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาจำนวนรวม 3 นาย โดย 1 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณปากในพื้นที่อำเภอตาพระยา และอีก 2 นาย ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ทั้งหมดอาการปลอดภัย

เกิดความสูญเสียกับพลเรือน โดยมีพระสงฆ์อายุ 82 ปี วัดเนินสมบูรณ์ อำเภอตาพระยา มีอาการหัวใจล้มเหลวและมรณภาพ เนื่องจากตกใจเสียงปืนใหญ่

สำหรับการอพยพประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ ทภ.1 มีการอพยพแล้ว 175,807 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยมีผู้อพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดสระแก้วรวมทั้งหมด 9,630 คน

สรุปปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 2 (พื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน)

กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ชี้แจงว่า ปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดเป็นการตอบโต้การปฏิบัติการของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทยและความปลอดภัยของประชาชน โดยยึดหลักสากลของการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence)

กองทัพภาค 1-2 สรุปผลปฏิบัติการ-ยึดคืนพื้นที่ชายแดนกัมพูชา 8 ธ.ค. 68

และหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) อย่างเคร่งครัด เพื่อยับยั้งและทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร เป้าหมายการโจมตีจะเน้นเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการทางทหาร และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เป็นภัยต่อความมั่นคง

ปฏิบัติการที่สำคัญ 5 เป้าหมาย ได้แก่:

  1. การยิงทำลายตึกร้างที่ทำการเครือข่ายสแกมเมอร์ ในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
  2. การยิงทำลายเสา Anti Drone ในพื้นที่พระวิหารและห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
  3. การกวาดล้างสวนมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งรุกล้ำเส้นปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทางทิศตะวันออกช่องจอม
  4. การเข้าควบคุมปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
  5. การยิงทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงเนิน 350 ปราสาทตาควาย

สถานการณ์อพยพประชาชน:

ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทภ.2 ครอบคลุม 12 อำเภอ ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ มีประชาชนได้รับการอพยพแล้วจำนวน 262,409 คน คิดเป็นร้อยละ 68 ของพื้นที่ทั้งหมด

ทั้งนี้ กองทัพบกได้ร่วมกับทุกหน่วยงานในพื้นที่จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมเน้นการดูแลกลุ่มเปราะบาง และเตรียมมาตรการรองรับตามแผนเผชิญเหตุในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองสูงสุด

กองทัพภาคที่ 2 คาดการณ์ว่า ในห้วงเวลากลางคืนฝ่ายกัมพูชาอาจมีการใช้อาวุธจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงต่อประชาชนพลเรือนอีกครั้ง โดยเพ่งเล็งพื้นที่เดิมที่เคยถูกยิง ทำลาย เพื่อสร้างความสับสนให้กับสนามรบ

ยืนยันว่า ทภ.2 จะรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น