“ท็อป-วราวุธ”เปิดใจซบ ภท. พรรคเล็กอยู่ยาก ต้องจับมือพรรคใหญ่

23 พ.ย. 2568 | 10:08 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2568 | 10:17 น.

“ท็อป-วราวุธ ศิลปอาชา”เปิดใจหลังซบพรรคภูมิใจไทย ชี้โครงสร้างการเมืองทำพรรคเล็กสู้ลำบาก จึงเลือกจับมือพรรคใหญ่เพื่อทำงานให้ประชาชนได้มีประสิทธิภาพกว่า

KEY

POINTS

  • นายวราวุธ ศิลปอาชา นำทีมพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมด้วยกลุ่มการเมืองชลบุรีและระยอง ประกาศเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
  • นายวราวุธให้เหตุผลว่าระบบการเมืองปัจจุบันทำให้พรรคเล็กทำงานได้ยาก การร่วมมือกับพรรคใหญ่จะช่วยให้การทำงานเพื่อประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ทีมของนายวราวุธและกลุ่มการเมืองที่ย้ายมาทั้งหมด จะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไปภายใต้ชื่อพรรคภูมิใจไทย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. เปิดตัว “ทีมใหม่” ที่จะร่วมทำงานการเมืองหลังยุบสภา นำโดย

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)

นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำการเมืองชลบุรี

นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง

 

นายอนุทิน ย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ทีมของวราวุธ สมาชิกจากพรรค ชทพ. รวมถึงทีมชลบุรี–ระยอง จะลงสนามในนามพรรค ภท. พร้อมร่วมผลักดันนโยบายพัฒนาประเทศโดยใช้ประสบการณ์และเครือข่ายทางการเมืองอย่างเต็มกำลัง

ด้าน นายวราวุธ เปิดใจว่า การตัดสินใจย้ายมาร่วม ภท. เป็นความเห็นพ้องร่วมกันของสมาชิกพรรค เพราะต้องการสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนให้ประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่นครปฐม สุพรรณบุรี และ ร้อยเอ็ด 

ทั้งมองว่า ระบบการเมืองช่วงนี้ทำให้ “พรรคเล็กเดินลำบาก” การจับมือพรรคใหญ่จึงช่วยให้การทำงานตอบสนองปัญหาประชาชน ตั้งแต่น้ำท่วมจนถึงการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ เกิดประสิทธิภาพมากกว่า 

พร้อมย้ำว่า “ศิลปอาชา” ยังอยู่ และการร่วมงานกับ ภท. คือ การรักษามรดกทางการเมืองให้เดินหน้าต่อ

                                  “ท็อป-วราวุธ”เปิดใจซบ ภท. พรรคเล็กอยู่ยาก ต้องจับมือพรรคใหญ่

ขณะที่ นายสนธยา กล่าวถึงข้อสังเกตเรื่องความสัมพันธ์กับ นายสุชาติ ชมกลิ่น ว่า ในพื้นที่ชลบุรีทุกฝ่ายตกผลึกแล้ว เดินงานในนามทีม ภท. ชลบุรี แบบร่วมมือเต็มที่ 

ส่วน นายปิยะ ปิตุเตชะ พร้อมผลักดันการกระจายอำนาจท้องถิ่นที่รัฐบาลกำลังชูเป็นนโยบายหลัก และเปิดทางให้ นายอนุทินเป็นผู้คุยกับนายสาธิต ปิตุเตชะ หากจะย้ายมาร่วมพรรค

ทางด้าน นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้สะท้อนการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย หลังผ่านยุคแบ่งขั้วมานาน มองว่า ความร่วมมือระหว่างนักการเมืองเก่าที่เคยแข่งขันกัน จะเป็นพลังใหม่ให้ประเทศเดินหน้า เกิดความสงบและสามัคคี 
พร้อมประกาศชัดว่า “เมื่อผู้แทนอยู่ด้วยกันได้ ประชาชนก็จะอยู่ด้วยกันได้ ประเทศจะเดินหน้าได้”