KEY
POINTS
ในห้วงการเมืองที่กระแส “ยุบสภา” โหมแรงทุกขณะ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เลือกเดินหมากเร็ว เปิดตัว “3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ทั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล - เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ - ศุภจี สุธรรมพันธุ์ จุดกระแสสนใจในหมู่นักลงทุน กลุ่มราชการ รวมถึงฐานคะแนนในต่างจังหวัด ขณะเดียวกันยังถูกจับตาว่าเป็นสัญญาณ “นับถอยหลังเลือกตั้ง 2569” ชัดเจนที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลเสียงข้างน้อยชุดนี้เข้าบริหารประเทศ
เกมเปิดหน้าไพ่ 3 ตัวท็อป
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล “นายกฯ หนู” เปิดปากชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า พรรคได้วางตัว รองนายกฯและรมว.คลัง “เอกนิติ” และ รมว.พาณิชย์ “ศุภจี” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2 และ 3 พร้อมหลุดมุกสไตล์อนุทินว่า “ไม่ได้ทาบทาม แต่บังคับเลย”
คำกล่าวที่ฟังดูอารมณ์ดี แต่แฝงความหมายทางการเมืองสำคัญ ภท.ต้องการแสดงให้เห็นว่า พรรคเติบโตจากเดิมที่เป็น “พรรคขนาดกลาง” ไปสู่ “พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” มีบุคลากรคุณภาพพร้อมรอเสียบตำแหน่งนายกฯ ได้ทุกจังหวะ
แคนดิเดตภาพลักษณ์มืออาชีพ
อนุทิน อธิบายเหตุผลว่า พรรควันนี้ใหญ่กว่าในอดีต ต้องมีตัวเลือกที่หลากหลาย และทั้ง 2 คน “เข้าใจงาน-ทำงานได้ทันที” หลังเข้าร่วม ครม. แล้ว “เก๋าเกม” แม้เวลานั่งเก้าอี้เพียงไม่กี่เดือน
สัญญาณนี้ทำให้บรรดานักวิเคราะห์มองตรงกันว่า ภท.กำลังสร้าง “สูตรภาพลักษณ์ใหม่” ผสมผสาน นักการเมืองภาคสนาม (อนุทิน) , เทคโนแครตด้านเศรษฐกิจ (เอกนิติ) และ ซีอีโอหญิงระดับโลก (ศุภจี)เพื่อรีเซ็ตแบรนด์พรรคให้ตอบโจทย์ชนชั้นกลางเมือง นักลงทุนไทย-ต่างชาติ กลุ่มราชการระดับบน และประชาชนระดับรากหญ้า
ยุบสภามาเร็วกว่า MOA?
ขณะเดียวกัน “หมากเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ” ถูกผูกโยงเข้ากับคำตอบสำคัญของ “นายกฯ อนุทิน” เมื่อถูกถามถึงเรื่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.151 หากฝ่ายค้านยื่น
อนุทินไล่น้ำเสียงตรงไปตรงมาว่า “ผมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ลงมติเมื่อไหร่ก็แพ้เมื่อนั้น” และทิ้งท้ายว่า หากสถานการณ์ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จะยุบสภาทันที ไม่จำเป็นต้องรอถึง 31 ม.ค. 2569 ตามกรอบ MOA กับพรรคประชาชน
พอถูกยิงคำถามว่า ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาเตรียมไว้แล้วหรือยัง อนุทิน เพียงหัวเราะ พยักหน้า และตอบว่า “รู้ใจ”
คำตอบนี้สะเทือนไปทั้งทำเนียบฯ ทั้งในหมู่ข้าราชการ และพรรคร่วมรัฐบาล ที่จับตาการเปลี่ยนขั้วหลังเลือกตั้งรอบใหม่
บิ๊กเนมการเมืองเสริมทัพ
ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 23 พ.ย. หากทันตามกำหนด จะเสนอชื่อ 3 แคนดิเดตนายกฯ เข้าที่ประชุมทันที
นอกจากนี้ ยังมี “ข่าวดี” ที่อนุทินตอบแบบกั๊ก ๆ ว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อาจย้ายมาอยู่กับพรรค ภท.ด้วย
ส่วน นายสนธยา คุณปลื้ม ก็อยู่ในลิสต์ของพรรคด้วยเช่นกัน
การดึงกลุ่มการเมืองพื้นฐานจังหวัด-เมืองท่องเที่ยวเข้าพรรค ทำให้พรรคภูมิใจไทยแข็งแกร่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เจาะ 3 แคนดิเดตนายกฯ ภท.
1.อนุทิน ชาญวีรกูล: คะแนนนิยมพุ่ง
หลังนั่งเก้าอี้นายกฯ คะแนนโพล-ทั้งทางเปิดและทางลับ ของอนุทิน กระโดดแตะ 13-15% และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากบทบาทในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จนครองกลุ่ม “ชาตินิยมสายกลาง” ได้อย่างชัดเจน
อนุทิน ผ่านสนามการเมืองมากว่า 2 ทศวรรษ ตั้งแต่ รมช.สาธารณสุข, รมช.พาณิชย์ จนถูกตัดสิทธิการเมืองปี 2549 ก่อนสร้างบ้านใหม่กับภูมิใจไทย ในปี 2555 และพรรคเติบโตต่อเนื่องจนวันนี้กลายเป็น “ขั้วอำนาจใหม่” ที่ทั้งสองขั้วใหญ่ต้องจับตา
ปี 2568 เข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ คนที่ 32 ด้วยสูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตามข้อตกลงกับพรรคประชาชน และคำมั่น “ยุบสภาภายใน 4 เดือน” ซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ปลายทาง
2.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ: มือเศรษฐกิจตัวจริงของรัฐบาล แม่ทัพกระตุ้นกำลังซื้อ-แก้หนี้ครัวเรือน
ด้วยอายุเพียง 54 ปี และเส้นทางราชการที่เติบโตในทุกตำแหน่งสำคัญของกระทรวงการคลัง “เอกนิติ” ถูกมองว่า เป็นตัวเลือกนายกฯ สายเทคโนแครตที่มีน้ำหนักที่สุดในรอบหลายปี
การตัดสินใจลาออกจากราชการ ทั้งที่ยังเหลือเวลาไต่เต้าสู่ตำแหน่ง “ปลัดคลัง” อีก 6 ปี เป็นสัญญาณว่า อนาคตการเมืองของเขาผูกกับภูมิใจไทยเต็มตัว
บทบาทเด่นใน ครม.อนุทิน
เป็นตัวแทน “เศรษฐกิจมืออาชีพ” ของพรรค ที่หาก ภท. ได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง เอกนิติ จะเป็นคนแรก ๆ ที่ถูกวางตัวในตำแหน่งระดับสูงต่อเนื่อง
3.ศุภจี สุธรรมพันธุ์: ผู้หญิงหนึ่งเดียว ภาพลักษณ์ซีอีโอ ดันเรตติ้งภูมิใจไทย
ศุภจี คือ “อาวุธลับ” ของอนุทิน ในสนามเลือกตั้ง 2569 เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่มาพร้อมประวัติระดับอินเตอร์ ทั้ง IBM – ไทยคม – ดุสิตธานี
จุดขายสำคัญ:
ในกระทรวงพาณิชย์ เธอขับเคลื่อนมาตรการดูแลราคาสินค้าเกษตรช่วงปลายปี รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีสหรัฐเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 19% ซึ่งเป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องบริหารข้อมูลด้านแหล่งกำเนิดสินค้าให้โปร่งใส
รีแบรนด์พรรคภูมิใจไทย
การเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯ ในจังหวะที่กระแสยุบสภากำลังพุ่ง คือการวางหมากสองชั้นของภูมิใจไทย:
1.สร้างภาพพรรคใหญ่-ตัวเลือกนายกฯ ที่ไว้ใจได้
2.ตอบโจทย์ประชาชนที่ต้องการรัฐบาลมืออาชีพมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
3.รีแบรนด์พรรคให้ทะลุฐานเสียงเดิมภาคอีสาน-ภาคใต้
4.เติมความน่าเชื่อถือกลุ่มชนชั้นกลาง-นักธุรกิจ
5.เพิ่มความมั่นใจนักลงทุนไทย-ต่างชาติ
6.ส่งสัญญาณภายในพรรค-พันธมิตรการเมืองว่า ภท.พร้อมเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง
ปฏิบัติการเปิดตัว “3 ตัวเต็งนายกฯ” คือ การเร่งปักธงความเป็น “แกนนำรัฐบาลใหม่” ของภูมิใจไทย ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณย้ำว่า “นายกฯ อนุทิน” พร้อมปล่อย พ.ร.ฎ.ยุบสภา ในทันทีที่สถานการณ์สุกงอม
การเมืองไทยกำลังจะเข้าสู่ “โหมดเลือกตั้ง” เร็วกว่ากรอบ MOA ที่ประกาศไว้ และภูมิใจไทยออกตัวนำพรรคอื่น ก่อนที่ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2569 จะเริ่มอย่างเป็นทางการ...
รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4151