“บวรศักดิ์”ชี้ยื่นซักฟอกไม่ปิดทางยุบสภา เว้นแต่ญัตติสมบูรณ์แล้ว

19 พ.ย. 2568 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2568 | 07:48 น.

“บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” สวน “วันนอร์” ตีความผิด ย้ำแม้ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกไม่ปิดประตู “ยุบสภา” เว้นแต่ตรวจสอบญัตติสมบูรณ์ “บรรจุวาระ-แจ้งนายกฯ”แล้ว

KEY

POINTS

  • นายบวรศักดิ์ ชี้ว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่สามารถระงับอำนาจยุบสภาของนายกรัฐมนตรีได้ในทันที
  • อำนาจยุบสภาของนายกฯ จะถูกระงับชั่วคราว ก็ต่อเมื่อประธานสภาฯ ตรวจสอบญัตติว่า มีความสมบูรณ์และบรรจุเข้าระเบียบวาระแล้วเท่านั้น
  • การตีความว่าแค่ยื่นญัตติก็ห้ามยุบสภาได้เลย ถือว่าไม่ถูกต้องและขัดต่อข้อบังคับ

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงกรณีที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ(ซักฟอก) ตามมาตรา 151 นายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถยุบสภาได้ทันที โดยบวรศักดิ์ ย้ำว่า การตีความเช่นนั้น “ไม่ถูกต้อง” และขัดกับแนวปฏิบัติที่ใช้มายาวนาน

นายบวรศักดิ์ ชี้ว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 176 กำหนดให้ประธานสภาฯ ต้องตรวจสอบความถูกต้องของญัตติภายใน 7 วัน หากมีข้อบกพร่องต้องแจ้งให้แก้ไข และเมื่อญัตติสมบูรณ์จึงจะ บรรจุเข้าระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่อำนาจยุบสภาของนายกฯ จะ “ระงับชั่วคราว” ตามรัฐธรรมนูญ

“ยื่นญัตติปั๊บแล้วบอกว่ายุบสภาไม่ได้เลย โดยไม่ตรวจสอบอะไร ถือว่าตีความง่ายเกินไป และขัดข้อบังคับ” นายบวรศักดิ์ กล่าว 

พร้อมชี้ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น ญัตติซักฟอกรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องแก้ไขหลายครั้ง เพราะพาดพิงบุคคลภายนอก รวมถึงกรณี สว. 21 คนเข้าชื่อผิดพลาด จนจำนวนไม่ครบ ทำให้คำร้องตกไป ซึ่งเป็นหลักฐานว่า “การตรวจสอบความสมบูรณ์เป็นขั้นตอนบังคับ” 

รองนายกฯ ยังย้อนถึงการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ตนเป็นผู้เขียน มาตราที่ปัจจุบันเป็น มาตรา 151 วรรคสอง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ปี 2538 ที่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ยุบสภา เพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก่อนลงมติไม่ไว้วางใจ จนสภาไม่สามารถลงมติได้ จึงต้องเขียนบทบัญญัติไม่ให้เกิด “เกมยุบสภาตัดหน้าโหวต” อีก 

ทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า การห้ามยุบสภา ตามมาตรา 151 จะเริ่มนับก็ต่อเมื่อญัตติถูกตรวจสอบ บรรจุวาระ และแจ้งนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่ใช่ตั้งแต่ฝ่ายค้ายื่นญัตติ เพราะหากเปิดช่องให้ “ญัตติไม่สมบูรณ์” สามารถปิดทางยุบสภาได้ ระบบสภาจะสับสนและเกิดปัญหาทันที

นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวถึงความย้อนแย้งของการตีความ โดยยกตัวอย่างการใช้ข้อบังคับข้อ 65 ตัดสิทธิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 ซึ่งสภาเองก็เลือกใช้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด แต่กลับมาอ้างว่า “ไม่ต้องดูข้อบังคับ” ในกรณีญัตติซักฟอกที่กำลังเป็นประเด็น 

“ตีความให้เหมือนที่เคยทำมาเถอะครับ ทั้งสมัยก่อนและสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น” รองนายกฯ กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การเสนอให้ประธานสภาฯ ตีความใหม่ในครั้งนี้ “ดูแปลก” และอาจทำให้ระบบรัฐสภายุ่งเหยิง