KEY
POINTS
วันนี้ (19 พฤศจิกายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย โดยเมื่อถามว่า ขณะนี้ยอมรับได้เต็มปากหรือไม่ว่าได้ทาบทามนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และรมว.คลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย รายที่ 2 และ3 ใช่หรือไม่ ว่า "พูดได้เต็มปาก" และเมื่อถามว่าทาบทามแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ได้ทาบทาบ แต่บังคับเลย"
นายกฯ ระบุถึงเหตุผลว่า การมีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพิ่มขึ้น เพราะเดิมพรรคภูมิใจไทยเป็นแค่พรรคเล็ก ๆ ก็มีรายชื่อแค่คนเดียวได้ แต่ตอนนี้พรรคดีขึ้นและใหญ่ขึ้นก็ต้องมีเพิ่มขึ้น โดยมองว่า ทั้งสองคนเป็นผู้มีประสบการณ์และเข้าใจงาน เพราะเมื่อครั้งเชิญทั้งสองคนเข้ามาร่วมครม. บางคนอาจจะใช้เวลาทำงาน ปรับตัว เพราะมีเวลาน้อย แต่หลังจากเข้ามาทำงานแล้ว ก็ยอมรับว่า ทั่งคู่เก๋าเกม และสามารถทำงานได้ทันที เพราะมีความเป็นนักบริหารมืออาชีพ โดยที่ไม่มีการตื่นเต้น และได้ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
อย่างไรก็ตามขั้นตอนต่อจากนี้หลังจากได้รับทราบรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ครบ 3 รายชื่อ คือ นายอนุทิน นายเอกนิติ และนางศุภจี แล้ว นายกฯ ระบุว่า จะต้องถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหากทันในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 นี้ จะเสนอทันที
เมื่อถามว่า สามารถพูดได้หรือไม่ว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีแคนดิเดตนายกฯ พลัส นายอนุทินหัวเราะพร้อมกล่าวว่า เราได้คนที่เก่ง ๆ คนที่ดีมาทำงานให้บ้านเมือง เราก็สบาย ประเทศก็ดี ประชาชนก็ดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น เพราะได้คนที่เข้าใจคนที่มีประสบการณ์มากเข้ามาทำงาน แล้วเราจะไปมัวหวงอำนาจทำไมมากมายไม่ได้
เมื่อถามว่าจะนำทั้งสองคนมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคหรือไม่ ยอมรับสั้น ๆ ว่า "ก็เป็นไปได้" พร้อมบอกด้วยว่า ได้เห็นจากการทำงานและความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่ได้ทำออกมา รวมถึงความคิด ความอ่าน และความรวดเร็วในการทำงาน ต่างคนต่างรักษาคำพูด หากส่งงานออกมาได้ดี จะไม่แทรกแซง และให้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งสนับสนุน และผลักดัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำออกมาเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ไม่ได้หมายถึงแค่ 2 คนนี้ แต่หมายถึงรัฐมนตรีคนอื่นในรัฐบาลนี้
เมื่อถามอีกว่า ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคภูมิใจไทยในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายนนี้ จะมีข่าวดีที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าชาติไทยพัฒนา จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายกฯ พยักหน้ารับ และตอบสั้น ๆ ว่า "ขอให้รอดูวันอาทิตย์ " และเมื่อถามต่อว่า รวมไปถึงนายสนธยา คุณปลื้ม จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วยหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ขอให้รอดูวันอาทิตย์ หากพูดไปแล้วเขาไม่มาจะทำอย่างไร
ส่วนเรื่องความพร้อมหากฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 นายกฯ กล่าวว่า เรามี MOA กับพรรคประชาชน ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนรักษาคำพูด และรักษาพันธะใน MOA อย่างเคร่งครัด ส่วนการยุบสภา ตนเคยพูดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 ถ้ามีเหตุที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะตนเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะมาบอกว่าให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าลงคะแนนเมื่อไหร่ก็แพ้เมื่อนั้น ดังนั้น ตนจึงเป็นรัฐบาลแรกที่ประกาศเรื่องการยุบสภาให้ประชาชนทราบ อะไรที่ทำให้เราทำงานไม่ได้ก็ต้องคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้เมื่อถามว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีเตรียมร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วหรือยัง นายกฯ ยิ้มพร้อมหัวเราะก่อนพยักหน้าแล้วชี้มาที่สื่อที่ถามก่อนตอบว่า “รู้ใจ” จากนั้น ได้เดินขึ้นห้องทำงานที่ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า