ม.112 + ภาษี 1.76 หมื่นล้าน มัด“ชินวัตร” บีบพรรคเพื่อไทย

19 พ.ย. 2568 | 06:02 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2568 | 06:18 น.

ม.112 + ภาษี 1.76 หมื่นล้าน มัด“ชินวัตร” บีบพรรคเพื่อไทย : รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4150

KEY

POINTS

  • ทักษิณ ชินวัตร เผชิญแรงกดดันทางการเมืองจาก 2 คดีสำคัญ คือ คดี ม.112 ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งอุทธรณ์ และ คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 1.76 หมื่นล้านบาท
  • การอุทธรณ์คดี ม.112 ถูกมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจขัดขวางกระบวนการพักโทษของทักษิณ ทำให้โอกาสได้รับอิสรภาพก่อนกำหนดลดน้อยลง
  • สถานการณ์ทางคดีดังกล่าวถูกวิเคราะห์ว่าเป็น "หมากสกัด" เพื่อจำกัดบทบาทของทักษิณ และ ลดทอนอำนาจต่อรองของพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ในปี 2569

แรงสั่นสะเทือนทางการเมืองปลายปี 2568 รุกคืบเข้าใกล้แกนกลางอำนาจของ พรรคเพื่อไทย และ “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างไม่หยุดพัก เมื่อสองแรงกดดันใหญ่ คดี ม.112 ที่อัยการสูงสุด(อสส.) คนใหม่มีคำสั่งยื่นอุทธรณ์ และ คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท ที่ศาลฎีกาพลิกกลับ ถูกมองว่าเป็น “หมากยุทธศาสตร์” ที่จะส่งผลต่อทั้งสมการเลือกตั้งใหญ่ ต้นปี 2569 และดีลจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

อสส.อุทธรณ์คดีม.112 ทักษิณ 

ภายหลัง “อิทธิพร แก้วทิพย์” เข้ารับตำแหน่ง อสส.คนใหม่ การพิจารณาสั่งอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ซึ่ง “ทักษิณ” ถูกกล่าวหาดูหมิ่นสถาบันฯ ผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ได้ถูกนำกลับมาอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง 

แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องเมื่อ 22 ส.ค. 2568 และคณะกรรมการพิจารณาคดี ม.112 ของ อสส. เคยมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ แต่การยื่นอุทธรณ์เป็น “อำนาจของ อสส.แต่เพียงผู้เดียว”จึงไม่ใช่การกลับมติดังกล่าว 

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่ “ทักษิณ” ถูกบังคับคุมขังเมื่อ 9 ก.ย. 2568 และเกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกับการเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย สู่ขั้วสีน้ำเงินภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” 

แรงกระเพื่อมยิ่งทวีขึ้นเมื่อกระแสข่าวการ “พักโทษ” เริ่มเดินหน้า หลังมีการประเมินว่า “ทักษิณ” เข้าสู่เกณฑ์ปล่อยตัวก่อนกำหนดตามกฎของราชทัณฑ์หลายข้อ

เกณฑ์ 1: พักโทษตามอายุและสัดส่วนโทษ (1 ใน 5) 

-นับจากวันที่ถูกคุมขัง 9 ก.ย. 2568

-ครบ 1 ใน 5 วันที่ 20 พ.ย. 2568

เกณฑ์ 2: เกณฑ์ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ (1 ใน 3)

-ครบวันที่ 8 ม.ค. 2569 

เป็นเส้นตายมาตรฐานที่นักโทษอายุ 70 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสได้รับการลดวันต้องโทษ 

ม.112 ตัวแปรปิดประตูพักโทษ 

ในขณะเดียวกัน “อุทธรณ์คดี ม.112” อาจกลายเป็น ตัวแปรปิดประตูพักโทษ “ทักษิณ” หากคำสั่งอุทธรณ์ถูกยื่นก่อนช่วงเวลาเหล่านี้ เพราะหากมีคดีอาญาที่ยังไม่สิ้นสุด ก็อาจทำให้กระบวนการลดโทษไม่สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างราบรื่น

นี่ทำให้ฝ่ายเพื่อไทยเชื่อว่า “จังหวะเวลา” ของการอุทธรณ์คดี ม.112 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 

“ชินวัตร”เดินหน้าสู้คดี

ทั้ง พานทองแท้ และ พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรชาย และบุตรสาวของอดีตนายกฯ  ยืนยันว่า ครอบครัวจะเดินหน้าสู้คดีต่อไปเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม 

โดย พานทองแท้ ยอมรับว่า การอุทธรณ์คดี ม.112 ครั้งนี้ “กระทบจิตใจอย่างมาก เพราะบิดาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างครบถ้วนแล้ว”

น้ำเสียงสะท้อนความกดดันที่เพิ่มขึ้นแบบไม่หยุด แม้ในช่วงเวลาเดียวกันจะมี “กระแสแต้มสงสาร” ไหลกลับสู่ฐานเสียงแดง หลังเหตุคลิปเสียงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ “นายน้อย” แพทองธาร ชินวัตร ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

                             ม.112 + ภาษี 1.76 หมื่นล้าน มัด“ชินวัตร” บีบพรรคเพื่อไทย

ภาษีหุ้นแรงบีบทางการเมือง  

สถานการณ์ของ “ทักษิณ” ยังไม่จบเพียงคดี ม.112 เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษา “กลับคำพิพากษาเดิม” ในคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป โดยยืนตามประเด็นการประเมินภาษีเดิมของกรมสรรพากร ที่เคยถูกเพิกถอนในศาลล่าง 

การพลิกคำพิพากษาครั้งนี้ ทำให้ “ทักษิณ” ต้องเผชิญแรงบังคับอีกระลอก คดีภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทเข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดี คาดว่าอาจต้องใช้เวลาราว 1-2 เดือนก่อนออกหมายบังคับคดีอย่างเป็นทางการ  

สำหรับฝ่าย “เพื่อไทย” นี่คือหมากที่ซ้ำเติมภาวะสะสมความเสี่ยงทางการเมือง ก่อนประเทศกำลังจะเข้าสู่โหมด “เลือกตั้งใหญ่ปี 2569” ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสนามเลือกตั้งที่แข่งขันดุเดือดที่สุดในรอบ 20 ปี

โจทย์ใหญ่ของเพื่อไทยคือ 

-จะรักษา สส.ไว้ได้เกิน 100 เสียงหรือไม่

-จะป้องกันการไหลออกของ สส.เขตในจังหวัดสำคัญได้อย่างไร

-จะรักษาฐานอำนาจต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งได้มากน้อยเพียงใด 

รัฐพันลึกหักปีกทักษิณ 

การที่ “ทักษิณ” ต้องเผชิญคดีใหญ่สองเด้งพร้อมกัน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเข้าสู่เลือกตั้ง ถูกหลายฝ่ายอ่านไปในทิศทางเดียวกันว่า “นี่คือการบีบพื้นที่ทางการเมืองของเพื่อไทย และตัดปีกศูนย์กลางอำนาจของค่ายแดง”

ตลอดปี 2567–2568 กลไกอำนาจนอกระบบราชการหลายชุด เดินเกมล้มรัฐบาลที่มี “นายกฯ ชินวัตร” ถึง 2 คนติดต่อกัน ก่อนจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนมือไปสู่รัฐบาล “อนุทิน” ในปัจจุบัน  

และตอนนี้ เป้าหมายใหม่ คือการกัน “ทักษิณ” ไม่ให้กลับมาเป็นศูนย์กลางการจัดทัพเลือกตั้งปี 2569 

ภท.แกนนำตั้งรัฐบาลใหม่สมัยหน้า

ผู้คร่ำหวอดในเกมอำนาจประเมินว่า หากกระบวนการคดีต่าง ๆ ลากยาวจน “ทักษิณ” ไม่มีอิสรภาพก่อนเลือกตั้ง ความเป็นไปได้สูงคือ

-“ภูมิใจไทย”จะกลายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

-“กล้าธรรม”จะเป็นเบอร์ 2 ในการตั้งรัฐบาล

-แล้วจึงเลือก “แดง” หรือ “ส้ม” มาเติมเพื่อให้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง

หากเป็นเช่นนั้น อิทธิพลของเพื่อไทยต่อสมการรัฐบาลใหม่จะลดลงอย่างมาก 

จังหวะเวลา “อดีตนายกฯ ทักษิณ” คงต้องรอจนปี 2569

แม้หลายฝ่ายยังคาดหวังบนเงื่อนไขพักโทษ แต่เมื่อพิจารณาความเป็นจริงของคดี ม.112 และ คดีภาษีหุ้นที่เพิ่งถูกพลิกล็อก ความเป็นไปได้ที่ “ทักษิณ” จะได้รับอิสรภาพก่อนครบโทษ 1 ปีลดลงทันที 

จึงมีการประเมินว่า “ทักษิณอาจจะต้องพ้นโทษตามกำหนดในปี 2569 และจะออกมาในยุคที่รัฐบาลชุดใหม่ตั้งขึ้นเรียบร้อยแล้ว” 

ความล่าช้าของอิสรภาพยิ่งทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ต้องขาด “กัปตันทีม” ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ

เกมที่ถูกอ่านว่า “สกัดกลับคืนอำนาจ” เมื่อประกอบทุกตัวแปรเข้าด้วยกัน การอุทธรณ์คดี ม.112 + คำพิพากษาศาลฎีกาที่กลับคำเดิมในคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป + ไทม์ไลน์พักโทษที่ขยับเข้าใกล้ + ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเลือกตั้งใหญ่ต้นปี 2569

ผู้สังเกตการณ์การเมืองทั้งในค่ายเพื่อไทย และนอกค่าย ต่างประเมินไปในทิศทางคล้ายกันว่า  

นี่คือ “หมากสกัด” เพื่อจำกัดบทบาท “ทักษิณ” และจำกัดพื้นที่ต่อรองของเพื่อไทย ไม่ให้กลับมาผงาดทางการเมืองได้ง่ายเหมือนรอบที่ผ่านมา 

ปี 2569 จึงไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งใหญ่ แต่เป็นปีที่ต้องจับตามองว่า อำนาจรัฐพันลึก จะจัดวางสมการรัฐบาลใหม่อย่างไร และเพื่อไทยจะยืนตรงไหนบนกระดานเกมอำนาจรอบใหม่ของไทย

รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4150