ส่องขุมทรัพย์ "ทักษิณ” 72,500 ล้านบาท กับภาระภาษี 17,600 ล้าน

17 พ.ย. 2568 | 11:16 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2568 | 11:53 น.

ส่องขุมทรัพย์ "ทักษิณ” 72,500 ล้านบาท กับภาระภาษี 17,600 ล้าน กรณีขายหุ้นชินคอร์ป : รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง ฐานเศษฐกิจออนไลน์

KEY

POINTS

  • นิตยสาร Forbes ประเมินว่า นายทักษิณ ชินวัตร มีทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 72,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในต่างประเทศ
  • ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามกรมสรรพากร ให้ นายทักษิณต้องชำระภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ป พร้อมเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม รวมเป็นเงิน 17,600 ล้านบาท
  • ภาระหนี้ภาษีดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของทรัพย์สินทั้งหมด มีการประเมินว่า นายทักษิณ มีความสามารถในการชำระหนี้ได้

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 คำพิพากษาของศาลฎีกาในคดี "ภาษีหุ้นชินคอร์ป" ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการการเมืองและเศรษฐกิจอีกครั้ง เมื่อศาลมีคำสั่งกลับคำพิพากษาศาลล่าง โดยวินิจฉัยให้การประเมินภาษีจากการขายหุ้นมูลค่า 1.76 หมื่นล้านบาท ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ภาระการชำระภาษี เบี้ยปรับ และเ งินเพิ่ม ก้อนใหญ่ได้ถูกยืนยันในชั้นศาลสูงสุด

ความสงสัยที่ตามมาก็คือ ขุมทรัพย์ของ “อดีตนายกรัฐมนตรี” ที่สะสมมานานหลายปีมีความมั่นคงเพียงใด และจะเพียงพอต่อการชำระหนี้ก้อนประวัติศาสตร์นี้หรือไม่

“ทักษิณ”มหาเศรษฐีระดับโลก

แม้ว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นับตั้งแต่พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปนานแล้ว และทรัพย์สินส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้ถูกศาลสั่งยึดตกเป็นของแผ่นดินไปก่อนหน้า (ประมาณ 46,000 ล้านบาท ในปี 2553) แต่ นายทักษิณ ยังคงได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างต่อเนื่องโดยนิตยสาร Forbes

มูลค่าทรัพย์สินโดยประมาณ ณ ปี 2568 ข้อมูลล่าสุดจากการจัดอันดับของ Forbes ในปี 2568 ระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร มีทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 72,500 ล้านบาท โดยประมาณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)

มูลค่าทรัพย์สินของ นายทักษิณ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (จาก 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2556 เป็น 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนและการทำธุรกิจในต่างประเทศ

ปี 2013 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2014 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2015 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2016 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2017 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2018 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2019 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2020 มีทรัพย์สินมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2021 มีทรัพย์สินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2022 มีทรัพย์สินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2023 มีทรัพย์สินมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2024 มีทรัพย์สินมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2025 มีทรัพย์สินมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทรัพย์สินที่ยังคงอยู่-แหล่งเงินทุน

ทรัพย์สินที่รอดพ้นจากการยึดในอดีต และเป็นแหล่งที่มาของความมั่งคั่งในปัจจุบัน เชื่อว่าส่วนใหญ่อยู่ในรูปของการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ

การลงทุนในต่างประเทศ : มีรายงานว่า นายทักษิณ มีการลงทุนในบริษัท Startup ด้านเทคโนโลยีสุขภาพในอังกฤษ รวมถึงการลงทุนในเหมืองทอง เหมืองเพชร และ การลงทุนอื่น ๆ ในแอฟริกาใต้

อสังหาริมทรัพย์: มีบ้านในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มูลค่าราว 264 ล้านบาท

มีวิลล่าหรูหราในย่านเอมิเรตส์ฮิลส์ (Emirates Hills) ของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นหนึ่งในที่พักอาศัยสำคัญในช่วงพำนักอยู่ต่างประเทศ

ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว: ทรัพย์สินบางส่วนถูกบริหารจัดการโดยสมาชิกใน “ครอบครัวชินวัตร” ซึ่งปัจจุบันบุตรสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ติดอันดับผู้มั่งคั่งระดับเศรษฐีเช่นกัน

ความสามารถในการชำระหนี้

การที่ศาลฎีกาสั่งให้ นายทักษิณต้องชำระภาษีรวม 17,600 ล้านบาท ถือเป็นภาระทางการเงินก้อนใหญ่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สิน ที่ยังคงมีอยู่ถึง 72,500 ล้านบาท พบว่า มูลค่าภาระหนี้สินภาษีดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของทรัพย์สินทั้งหมด 

แม้ว่าภาระภาษีจะสูงมาก แต่ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่อยู่ในระดับหลายหมื่นล้านบาท และการที่มีแหล่งเงินทุนและสินทรัพย์ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ในต่างประเทศ จึงเชื่อได้ว่า นายทักษิณ มีความสามารถในการจัดหาเงินมาชำระภาษี ตามคำสั่งศาลฎีกาได้

อย่างไรก็ตาม กระบวนการชำระหนี้จำนวนมหาศาลนี้ กรมสรรพากร จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเรียกเก็บเงินตามคำพิพากษาต่อไป

คำสั่งศาลฎีกานี้จึงเป็นการปิดฉากคดีภาษี ที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ และตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” ต้องรับผิดชอบต่อภาระภาษีจากการขายหุ้น ที่ถูกวินิจฉัยว่า ตนเองเป็นผู้มีเงินได้ที่แท้จริง

รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง ฐานเศรษฐกิจออนไลน์