KEY
POINTS
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคดีภาษีการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้กรมสรรพากรสามารถประเมินและเรียกเก็บภาษีจำนวน 17,600 ล้านบาท ได้ตามขั้นตอน
นางเพ็ญรวี มาแสง รองอธิบดีกรมบังคับคดี ในฐานะโฆษกกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้คดียังไม่เข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดี เนื่องจากหลังคำพิพากษาถึงที่สุด ลูกหนี้ตามคดี ในที่นี้คือ นายทักษิณ ต้องติดต่อชำระภาษีต่อกรมสรรพากร ภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดก่อน
หากไม่ชำระ-เข้าสู่กระบวนการบังคับคดี
หากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา กรมสรรพากรในฐานะเจ้าหนี้ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแพ่ง ได้แก่
1.ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายบังคับคดี
2.เมื่อได้หมายแล้ว จึงจะส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีดำเนินการ
3.เจ้าหนี้ต้องแจ้งข้อมูลทรัพย์สินของลูกหนี้ที่สามารถยึด-อายัดได้
4.เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงจะเข้าสู่ขั้นตอน ยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ และขายทอดตลาด ตามลำดับ
นางเพ็ญรวี ระบุว่า กระบวนการในส่วนนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งใช้กับคดีภาษีในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
เมื่อถามถึงการบังคับคดีต่อทรัพย์สินที่อยู่นอกเขตประเทศไทย โฆษกกรมบังคับคดีชี้แจงว่า “อำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีเฉพาะภายในราชอาณาจักร ไม่สามารถยึดทรัพย์ในต่างประเทศได้ เพราะเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา”
หากมีทรัพย์สินในต่างประเทศ รัฐไทยจะต้องใช้กระบวนการอื่น เช่น ความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือ อาศัยอำนาจของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่อยู่ในขอบเขตของกรมบังคับคดีโดยตรง
อายุความบังคับคดี 10 ปี
ที่สำคัญ นางเพ็ญรวี ระบุว่า การบังคับคดีในลักษณะนี้มีระยะเวลาทำการ ภายใน 10 ปีนับจากวันที่ศาลพิพากษาถึงที่สุด หากพ้นกำหนดดังกล่าวและไม่มีการดำเนินการตามกฎหมาย การบังคับคดีจะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ