อสส.ล้ม มติ 8:2 พลิกสั่งฟ้อง "ทักษิณ" คดีม.112 ก่อนเดดไลน์อุทธรณ์ 21 พ.ย.

เกิดความเคลื่อนไหวสำคัญในคดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 ซึ่งถูกมองว่ามีเนื้อหากระทบสถาบัน

ล่าสุดมีรายงานว่า ที่สำนักงานอัยการสูงสุด มีการเปลี่ยนท่าทีอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ใช้อำนาจโดยตรงสั่งฟ้อง นายทักษิณ ในคดีนี้ แม้ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคดี ม.112 ของอัยการ จะมีมติ 8 ต่อ 2 “ไม่ยื่นอุทธรณ์” ต่อคดีดังกล่าว

คดีนี้เดิมเป็นคดีอาญาหมายเลขแดง อ.2331/2568 ซึ่งศาลอาญารัชดาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 โดยระบุว่า จากการพิจารณาคลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์ พบว่าเนื้อหามุ่งวิพากษ์การรัฐประหารและพาดพิงบุคคลทางการเมือง มิได้สื่อถึงสถาบัน และพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ ไม่อาจยืนยันให้ถึงภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาได้

หลังคำพิพากษา พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 1 เมื่อ 16 กันยายน 2568 และศาลอนุญาต ต่อมามีการยื่นขยายเวลาเป็นครั้งที่ 2 เมื่อ 14 ตุลาคม 2568 ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตอีกครั้ง ทำให้เส้นตายอุทธรณ์เลื่อนไปถึง 21 พฤศจิกายน 2568 

เดิม นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุดในช่วงแรกของการพิจารณา ได้มีคำสั่งให้เรื่องเข้าสู่การกลั่นกรองโดยคณะกรรมการพิจารณาคดี 112 ซึ่งมี นายอิทธิพร แก้วทิพย์ (ขณะนั้นเป็นรองอัยการสูงสุด) เป็นประธาน

ที่ประชุมมีมติ 8 ต่อ 2 เสียง ว่าไม่ควรยื่นอุทธรณ์คดี เนื่องจากคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีเหตุผลและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะกลับคำพิพากษาได้ มติดังกล่าวได้ส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว

อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดเปิดเผยว่า นายอิทธิพร ในฐานะอัยการสูงสุด ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายตัดสินใจ “ล้มมติกรรมการ 8:2” และสั่งให้พนักงานอัยการ เดินหน้าฟ้อง นายทักษิณ ในข้อหาตาม ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ก่อนหมดกรอบขยายเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้