สว.สำรอง ฟ้อง กกต.-เลขาฯ กกต. ปมประวิงคดีฮั้ว สว. ศาลรับคดีไว้พิจารณาแล้ว

13 พ.ย. 2568 | 11:02 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2568 | 11:08 น.

"อัครวัฒน์" สว.สำรอง เดินหน้าฟ้อง กกต. และเลขาฯ กกต. รวม 8 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ-ประวิงคดีฮั้ว สว. ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ประทับรับฟ้องแล้ว

KEY

POINTS

  • นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง ยื่นฟ้องประธาน กกต. กับพวกรวม 8 คน ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.
  • ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งรับคดีไว้พิจารณาแล้ว และนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
  • ข้อกล่าวหาหลักคือ กกต. จงใจประวิงเวลาทำให้คดีล่าช้า และตั้งคณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 36 เพื่อสร้างขั้นตอนที่ยุ่งยากและเอื้อประโยชน์ให้ผู้ถูกกล่าวหา

นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากปมคดีฮั้ว สว.ที่อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 36 ต่อมานายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกับนายอิทธิพร บุญประคอง กกต.กับพวกรวม 8 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้นัดฟังคำสั่งผลคดี ผลปรากฏว่า ในชั้นตรวจฟ้อง ศาลได้รับคดีของโจทก์ไว้พิจารณา โดยให้โจทก์แก้ไขเนื้อหาฟ้องที่บกพร่องบางประการ โดยให้โจทก์จัดทำบัญชีพยานชี้ช่องและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อประกอบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
 

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ตนได้ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง กับพวกรวม 8 คน พ่วงนายแสวง บุญมี  เลขาธิการ กกต. แบ่งเป็นการกระทำความผิดร่วมกัน 2 กรรม

นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง

  • กรรมแรก ปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมสำนวนคดีและไม่ดำเนินการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด ตามอำนาจหน้าที่ โดยประวิง เวลา โยกโย้ ไม่รับสำนวนคดี ทำให้คดีล่าช้าเกินควร 
  • ส่วนอีกกรรมหนึ่ง เป็นการสร้างขั้นตอนยุ่งยาก เพื่อประวิงเวลา ดึงสำนวน โดยตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 36 ซึ่งเป็นบริวารของ กกต.ทั้ง 7 โดยที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 1 ถึง ชุดที่ 35 อยู่แล้ว แต่ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ไร้ขอบเขต เพื่อประโยชน์ให้แก่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งปล่อยให้สำนวนคดีที่เป็นความลับหลุดออกมา

ส่วน กกต.ที่ถูกฟ้อง เป็นการทำหน้าที่ ระหว่างวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน โดยนายแสวง บุญมี ต้องถูกฟ้องด้วย เพราะมีส่วนร่วมในการประวิงเวลา โยกโย้ สร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น 

ส่วน กกต.ตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 36 ที่เป็นบริวาร ตนเล็งฟ้องอยู่เพราะเป็นเครื่องมือในการไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานในสำนวน

ตนขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า คดีนี้ คดีฮั้ว สว. ที่ตนยื่นฟ้องกับ ประธาน กกต.และ กกต.รวมทั้งเลขาธิการ กกต.ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นคดีที่สองในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเปรียบเทียบกับ กกต.ในอดีต อย่าง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และ นายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต. ที่ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี 

ตนต้องขอบคุณคณะผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ตนและคณะ ที่ยึดมั่น ความยุติธรรม เที่ยงตรง ปราศจากอคติทั้งปวง ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ที่รับคดีไว้พิจารณาไต่สวนมูลฟ้อง 

ทั้งนี้ ตนมีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุ ที่จะเข้าสู่สำนวนจำนวนมาก โดยจะหมายเรียกพยานเอกสารในสำนวนคดี ที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 เข้ามาในสำนวนเพี่อให้ศาลตรวจสอบว่า กลุ่มจำเลยนี้ ได้กระทำอะไรไว้กับแผ่นดินไว้บ้าง จะเอาให้ติดคุกให้ได้ 

ตนเชื่อว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง คุ้มครองแผ่นดินประเทศไทย ไม่ให้กลุ่มพวกนี้ ใช้อำนาจโดย มิชอบ แถมกินเงินเดือนภาษีประชาชน ใครทำอะไรกับแผ่นดินไว้ ขอให้มีอันเป็นไป  

ส่วนคดีที่กลุ่มสภาเที่ยงธรรมและ สว.สำรองบางท่าน ไปยื่นฟ้อง แต่ศาลไม่รับไว้พิจารณา เพราะไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่มีส่วนได้เสียกับคดีโดยตรง ตนไม่ขอออกความเห็น แต่แง่คดีแตกต่างจากคดีของตนที่ฟ้อง 2 กรรม เพราะการตั้งฟ้องในการบรรยายฟ้อง โดยตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี กกต.ประวิงคดี ทำให้ตนได้รับความเสียหาย

ส่วนที่มีกระแสข่าวล่าสุด มีพยานบุคคลบางปาก ในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กลับคำให้การ เป็นคนละส่วนกันกับคดีที่ตนยื่นฟ้อง โดยพยานหลักฐานในคดีที่ กกต.สืบสวนและไต่สวน ชุด 26 พยานหลักฐานคนละส่วนกัน ไม่อาจมาหักล้างในคดีฮั้ว สว.ได้ ถือเป็นพยานหลักฐานนอกสำนวนกับคดีที่ กกต.ไต่สวน ไม่มีผลกระทบเนื้อหาในคดี