KEY
POINTS
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte” ในหัวข้อ “คนไทยต้องไม่ถูกสแกม!”
โดยได้เตือนภัยอาชญากรรมไซเบอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้นในยุคดิจิทัล พร้อมเสนอให้จัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ (National Anti-Scam Command : NASC)” เพื่อเป็น “เกราะดิจิทัลแห่งชาติ” ปกป้องคนไทยจากการหลอกลวงทุกรูปแบบ
1. จากโทรหลอก...สู่ AI หลอก
ดร.สามารถ ระบุว่า “สแกม” ในยุคแรกเริ่มจากการโทรศัพท์หลอกลวง ส่ง SMS ปลอม หรือทักแชทแอบอ้างหน่วยงานราชการ แต่ปัจจุบันวิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้อาชญากรไซเบอร์ใช้ AI และ Deepfake ในการสร้างภาพ เสียง หรือบุคคลปลอมได้อย่างแนบเนียนจนยากจะแยกแยะ
ตัวอย่างภัยที่พบได้ในชีวิตประจำวัน เช่น
• ปลอมเป็นพนักงานธนาคาร โทรแจ้งปัญหาบัญชี หลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูล
• ส่งลิงก์ปลอมอ้างว่ามีพัสดุหรือรางวัลรอรับ เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
• โทรหลอกลงทุน ผลตอบแทนสูง หรือชวนเข้าร่วมแชร์ลูกโซ่
• ใช้ AI ปลอมเสียงหรือใบหน้าคนใกล้ชิด หลอกขอเงินด่วน
• สร้างเว็บไซต์ธนาคารปลอมหน้าตาเหมือนของจริงทุกอย่าง
“แม้จะรู้เท่าทันแค่ไหน...เพียงพลาดครั้งเดียว ก็อาจหมดตัวในไม่กี่นาที” ดร.สามารถ ระบุ
2. ทำไมคนไทยยังถูกหลอกซ้ำ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยยังตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก คือ
• ไม่มีระบบตรวจสอบว่าเบอร์หรือบัญชีที่ติดต่อมานั้น “ของจริงหรือของปลอม”
• ไม่มีระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์ที่แจ้งเตือนก่อนเกิดความเสียหาย
• เมื่อถูกหลอก โอกาสได้เงินคืนแทบเป็นศูนย์
3. ทำไมรัฐยังสกัดไม่อยู่
ดร.สามารถ วิเคราะห์ว่า ปัญหาหลักอยู่ที่โครงสร้างการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ยังแยกส่วนและขาดเอกภาพ
(1) หน่วยงานทำงานกระจัดกระจาย ไม่มี “ศูนย์บัญชาการกลาง”
(2) ขาดฐานข้อมูลกลางระดับชาติ
(3) การตอบโต้ล่าช้า ทั้งการอายัดบัญชีและปิดเบอร์โทร ใช้เวลาหลายวัน
(4) บุคลากรและเครื่องมือด้านไซเบอร์ยังไม่เพียงพอ
(5) ประชาชนไม่รู้ช่องทางแจ้งเหตุที่ชัดเจนและเข้าถึงง่าย
4. ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ”
เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ดร.สามารถ เสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ” (NASC) มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานงานระดับชาติ รวมทุกภาคส่วนไว้ในที่เดียว ทั้งธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจ
โดยใช้เทคโนโลยี AI และระบบ SOAR (Security Orchestration, Automation and Response) เพื่อวิเคราะห์ ตรวจจับ และตอบโต้ภัยสแกมแบบเรียลไทม์
บทบาทหลักของ NASC ประกอบด้วย:
1.เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และตำรวจ
2.ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจจับเสียงหรือข้อความปลอม
3.ส่งสัญญาณเตือนภัยถึงประชาชนทันทีผ่านระบบ “NASC Alert”
4.สั่งอายัดบัญชีหรือปิดเบอร์โทรอัตโนมัติในไม่กี่นาที
5.จัดการได้ใน 5 นาที ลดความเสียหาย 70%
ดร.สามารถ ระบุว่า หากประเทศไทยมี NASC ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ จะสามารถ “หยุดภัยสแกมภายใน 5 นาที” จากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายวัน โดยประชาชนจะได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 70%
“ภัยสแกมไม่เลือกเหยื่อ ไม่เลือกอาชีพ ไม่เลือกอายุ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีระบบป้องกันและตอบโต้ภัยหลอกลวงระดับชาติ เพราะคนไทยทุกคน...ไม่ควรถูกหลอกอีกต่อไป” ดร.สามารถ ทิ้งท้าย