“สามารถ”ชงตั้งศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติปกป้องคนไทย

07 พ.ย. 2568 | 04:40 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ย. 2568 | 04:58 น.

“ดร.สามารถ” เสนอจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ” รวมทุกหน่วยงานไว้ในจุดเดียว สกัด Deepfake–AI Scam ปกป้องคนไทยจากอาชญากรรมดิจิทัล

KEY

POINTS

  • ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ เสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ” (NASC) เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการปกป้องคนไทยจากภัยสแกมและอาชญากรรมไซเบอร์
  • ชี้ให้เห็นถึงปัญหาปัจจุบันที่ทำให้รัฐไม่สามารถสกัดกั้นภัยได้ เนื่องจากหน่วยงานทำงานกระจัดกระจาย ขาดฐานข้อมูลกลาง และการตอบโต้ที่ล่าช้า
  • ศูนย์ฯ ดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจ เพื่อใช้เทคโนโลยี AI ตรวจจับและตอบโต้ภัยแบบเรียลไทม์ โดยตั้งเป้าหยุดยั้งความเสียหายภายใน 5 นาที

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte” ในหัวข้อ “คนไทยต้องไม่ถูกสแกม!”

โดยได้เตือนภัยอาชญากรรมไซเบอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้นในยุคดิจิทัล พร้อมเสนอให้จัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ (National Anti-Scam Command : NASC)” เพื่อเป็น “เกราะดิจิทัลแห่งชาติ” ปกป้องคนไทยจากการหลอกลวงทุกรูปแบบ

1. จากโทรหลอก...สู่ AI หลอก  

ดร.สามารถ ระบุว่า “สแกม” ในยุคแรกเริ่มจากการโทรศัพท์หลอกลวง ส่ง SMS ปลอม หรือทักแชทแอบอ้างหน่วยงานราชการ แต่ปัจจุบันวิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้อาชญากรไซเบอร์ใช้ AI และ Deepfake ในการสร้างภาพ เสียง หรือบุคคลปลอมได้อย่างแนบเนียนจนยากจะแยกแยะ

ตัวอย่างภัยที่พบได้ในชีวิตประจำวัน เช่น

• ปลอมเป็นพนักงานธนาคาร โทรแจ้งปัญหาบัญชี หลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูล

• ส่งลิงก์ปลอมอ้างว่ามีพัสดุหรือรางวัลรอรับ เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว

• โทรหลอกลงทุน ผลตอบแทนสูง หรือชวนเข้าร่วมแชร์ลูกโซ่

• ใช้ AI ปลอมเสียงหรือใบหน้าคนใกล้ชิด หลอกขอเงินด่วน

• สร้างเว็บไซต์ธนาคารปลอมหน้าตาเหมือนของจริงทุกอย่าง

“แม้จะรู้เท่าทันแค่ไหน...เพียงพลาดครั้งเดียว ก็อาจหมดตัวในไม่กี่นาที” ดร.สามารถ ระบุ

2. ทำไมคนไทยยังถูกหลอกซ้ำ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยยังตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก คือ

• ไม่มีระบบตรวจสอบว่าเบอร์หรือบัญชีที่ติดต่อมานั้น “ของจริงหรือของปลอม”

• ไม่มีระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์ที่แจ้งเตือนก่อนเกิดความเสียหาย

• เมื่อถูกหลอก โอกาสได้เงินคืนแทบเป็นศูนย์

3. ทำไมรัฐยังสกัดไม่อยู่

ดร.สามารถ วิเคราะห์ว่า ปัญหาหลักอยู่ที่โครงสร้างการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ยังแยกส่วนและขาดเอกภาพ

(1) หน่วยงานทำงานกระจัดกระจาย ไม่มี “ศูนย์บัญชาการกลาง”

(2) ขาดฐานข้อมูลกลางระดับชาติ

(3) การตอบโต้ล่าช้า ทั้งการอายัดบัญชีและปิดเบอร์โทร ใช้เวลาหลายวัน

(4) บุคลากรและเครื่องมือด้านไซเบอร์ยังไม่เพียงพอ

(5) ประชาชนไม่รู้ช่องทางแจ้งเหตุที่ชัดเจนและเข้าถึงง่าย

4. ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ”

เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ดร.สามารถ เสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ” (NASC) มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานงานระดับชาติ รวมทุกภาคส่วนไว้ในที่เดียว ทั้งธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจ

โดยใช้เทคโนโลยี AI และระบบ SOAR (Security Orchestration, Automation and Response) เพื่อวิเคราะห์ ตรวจจับ และตอบโต้ภัยสแกมแบบเรียลไทม์

บทบาทหลักของ NASC ประกอบด้วย:

1.เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และตำรวจ

2.ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจจับเสียงหรือข้อความปลอม

3.ส่งสัญญาณเตือนภัยถึงประชาชนทันทีผ่านระบบ “NASC Alert”

4.สั่งอายัดบัญชีหรือปิดเบอร์โทรอัตโนมัติในไม่กี่นาที

5.จัดการได้ใน 5 นาที ลดความเสียหาย 70% 

ดร.สามารถ ระบุว่า หากประเทศไทยมี NASC ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ จะสามารถ “หยุดภัยสแกมภายใน 5 นาที” จากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายวัน โดยประชาชนจะได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 70%

“ภัยสแกมไม่เลือกเหยื่อ ไม่เลือกอาชีพ ไม่เลือกอายุ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีระบบป้องกันและตอบโต้ภัยหลอกลวงระดับชาติ เพราะคนไทยทุกคน...ไม่ควรถูกหลอกอีกต่อไป” ดร.สามารถ ทิ้งท้าย