KEY
POINTS
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ว่า เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างเป็นทางการ
การลาออกครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากเส้นทางทางการเมืองกว่า 3 ทศวรรษของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” กับพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์
หลังเริ่มต้นเส้นทางการเมืองจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์หลายสมัย และก้าวขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ก่อนจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ระหว่างปี 2562–2567
โดยตลอดเส้นทางการเมือง “เฉลิมชัย” เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองสายประสานผลประโยชน์ภายในพรรค มีบทบาทสำคัญในการรักษาเอกภาพและเชื่อมรอยร้าวระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงวิกฤต
รายงานข่าวระบุว่า หลังการลาออก นายเฉลิมชัย เตรียมนำกลุ่ม สส.ที่ใกล้ชิด ซึ่งเรียกกันในนาม “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ทยอยลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเบื้องต้นและตกลงร่วมเป็น “หุ้นส่วนทางการเมือง” เพื่อเสริมศักยภาพให้พรรคกล้าธรรมขยายตัวจากพรรคขนาดกลาง เป็นพรรคขนาดใหญ่ ตั้งเป้าเพิ่มฐานเสียงเบื้องต้นอย่างน้อย 20 ที่นั่ง
กลุ่มที่คาดว่าจะย้ายไปกับ นายเฉลิมชัย ประกอบด้วย
-ประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์,
-จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ อดีตรองเลขาธิการพรรค
-มนตรี ปานน้อยนนท์ อดีตสส.ประจวบคีรีขันธ์
-เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา อดีตเลขาธิการพรรค
-สุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา ภรรยานายเดชอิศม์
-ศักดิสิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา บุตรชายนายเดชอิศม์
-พล.ต.อ.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคล แต่เป็นการ “ยกกลุ่มทางการเมือง” ที่มีฐานเสียงมั่นคงในภาคใต้และภาคกลางตอนล่าง ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต โดยเฉพาะหากมี สส.บางส่วนทยอยลาออกเพิ่มเติมในนาม “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” เพื่อย้ายเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม
ขณะเดียวกัน ฝั่งพรรคกล้าธรรมมองว่า การเข้าร่วมของนายเฉลิมชัยและทีม จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทั้งในเชิงบุคลากรและโครงสร้างพรรค เนื่องจาก นายเฉลิมชัย เป็นนักการเมืองที่มีเครือข่ายกว้างขวางในหลายพื้นที่ มีประสบการณ์บริหารทั้งในสภาและฝ่ายบริหาร และยังได้รับการยอมรับในแวดวงการเมืองว่าเป็น “นักจัดการทางการเมืองมืออาชีพ” ที่สามารถประสานงานได้ทุกขั้ว
ทั้งนี้ หากการย้ายพรรคของ “กลุ่มเฉลิมชัย” สำเร็จ จะถือเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญของสองกลุ่มอิทธิพลการเมืองต่างขั้ว “ธรรมนัส-เฉลิมชัย” ที่อาจปูทางให้พรรคกล้าธรรม กลายเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาลชุดหน้า