ป.ป.ช.ฟัน 2 อดีตอธิบดีคดีทุจริตซื้อเครื่องออกกำลังกาย 350 ล้าน

08 ต.ค. 2568 | 09:41 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2568 | 09:58 น.

ป.ป.ช.ชี้มูลผิด “สุพล ศรีพันธุ์” อดีตอธิบดีกรมการท่องเที่ยว “แสงจันทร์ วรสุมันต์”อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา คดีทุจริตจัดซื้อเครื่องเล่น-เครื่องออกกำลังกาย 350 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอดีตอธิบดี 2 ราย จากกรมการท่องเที่ยวและกรมพลศึกษา ในคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายและนันทนาการ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 350 ล้านบาท
  • พฤติการณ์ทุจริตมีลักษณะคล้ายกัน คือ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์ (ล็อกสเปก) เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนที่กำหนดไว้ และจัดซื้อในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด
  • อดีตอธิบดีทั้งสองและผู้เกี่ยวข้องถูกชี้มูลความผิดอาญา ตามมาตรา 151 และ 157 โดย ป.ป.ช.จะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อไป

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาการเลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกาย ในโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงนันทนาการและเชิงสุขภาพ ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล รวมกว่า 350 ล้านบาท

คดีที่ 1: อดีตอธิบดีกรมการท่องเที่ยว

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายสุพล ศรีพันธุ์ อดีตอธิบดีกรมการท่องเที่ยว และพวก ในการดำเนินโครงการปีงบประมาณ 2555 จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 286.07 ล้านบาท

จากการไต่สวนพบว่า มีการอนุมัติจัดหาอุปกรณ์เครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกาย มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาท โดยที่หน่วยงานในพื้นที่ไม่ได้มีความประสงค์ของบประมาณสนับสนุน อีกทั้งยังมีการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะตรงกับบริษัท ยูไนเต็ด สปอร์ต ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม สุดท้ายจัดซื้อในราคาสูงกว่าท้องตลาดหลายเท่า

ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดทางอาญาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ส่วนบริษัทเอกชนและผู้บริหารที่เกี่ยวข้องมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กระทำความผิด

คดีที่ 2: อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติชี้มูลความผิด นางแสงจันทร์ วรสุมันต์ อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา และพวก ในการดำเนินโครงการลักษณะเดียวกัน ช่วงปีงบประมาณ 2556–2557 รวม 2 สัญญา วงเงิน 29.7 ล้านบาท และ 34.6 ล้านบาท

จากผลการไต่สวนพบว่า กรมพลศึกษาไม่ได้สำรวจความต้องการจริงในพื้นที่ แต่กลับจัดซื้อครุภัณฑ์ตามคุณลักษณะเฉพาะที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ไทยเวิร์คฟิตเนส จำกัด เป็นผู้ชนะสัญญาทั้งสองโครงการ และยังมีการกำหนดราคากลางสูงเกินจริง
ป.ป.ช. จึงเห็นว่า นางแสงจันทร์และผู้เกี่ยวข้องมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 เช่นเดียวกัน ขณะที่บริษัทเอกชนถูกชี้มูลผิดในฐานะสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กระทำความผิด

ขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งสำนวนพร้อมความเห็นไปยัง อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสะท้อนปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการภาครัฐ ที่มีการล็อกสเปกและฮั้วราคาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มเอกชน