'วรภัค' แจงปมปล่อยกู้ EARTH คาดจบสิ้นปีนี้ ยันไม่เหมือนคดี STARK

29 ก.ย. 2568 | 23:00 น.

'วรภัค' รมช.คลัง แจงปมเอี่ยวโกง ปล่อยสินเชื่อ EARTH คาดป.ป.ช.สรุปข้อเท็จจริงเร็วสุดสิ้นปีนี้ ลั่นเคสนี้ไม่เหมือน STARK ระบุความเสียหายเกิดจากดึงวงเงินฉับพลัน

KEY

POINTS

  • วรภัค ชี้แจงกรณีการปล่อยสินเชื่อให้บริษัท EARTH คาดว่า ป.ป.ช. จะสรุปข้อเท็จจริงได้ภายในสิ้นปีนี้
  • ยืนยันว่ากรณี EARTH แตกต่างจากคดี STARK เนื่องจากทรัพย์สินและยอดขายของ EARTH มีอยู่จริง และไม่เคยถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษเรื่องตกแต่งบัญชี
  • ปัญหาของ EARTH เกิดขึ้นหลังจากที่ตนพ้นตำแหน่งไปแล้ว โดยเป็นวิกฤตสภาพคล่องฉับพลันจากการที่เจ้าหนี้รายใหญ่ดึงวงเงิน 

นายวรภัค ธัญญวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา เกี่ยวกับกรณีการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย (KTB) ให้แก่บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) หรือ EARTH ว่า ตนถูกกล่าวหาและถูกพาดพิง

ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้จะได้ข้อเท็จจริงที่สรุปจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เร็วที่สุดภายในสิ้นปีนี้ หรืออย่างช้าในต้นปี 2569 ทั้งนี้ ยืนยันว่า ขณะนั้นบริษัทดังกล่าวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และความเสียหายที่แท้จริงเกิดจากวิกฤตสภาพคล่องที่มาจากภายนอกองค์กร

นายวรภัค กล่าวว่า ประเด็น EARTH เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาแล้วในพรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมีการตรวจสอบแล้วซึ่งไม่มีการติดใจอะไร

นอกจากนี้ นายวรภัค ได้แนะนำตนเอง ระบุว่าทำงานในแวดวงการเงินการธนาคารมาเป็นระยะเวลา 35 ปี ตั้งแต่ปี 2533 ตนเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับแต่งตั้งเป็น Country Manager หรือกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Bank of America ประจำประเทศไทย ขณะอายุ 37 ปี และเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ JP Morgan ประมาณปี 2548 ก่อนจะมาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ธนาคารกรุงไทยขณะอายุ 48 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีประสบการณ์ด้านการเงินการธนาคารพอสมควร

นายวรภัค ธัญญวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ ที่ตนเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ธนาคารกรุงไทยช่วงปลายปี 2555 (ประมาณเดือนพฤศจิกายน) ซึ่งในขณะนั้น EARTH เป็นลูกค้าของกรุงไทยอยู่แล้วหลายปี บริษัทเริ่มต้นเป็นลูกค้า SME มีสำนักงานธุรกิจที่ศรีราชา ตั้งแต่สมัยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่

“ตอนเข้ารับตำแหน่งช่วงปลายปี 2555 EARTH มียอดขายประมาณ 10,000 ล้านบาท และเมื่อผมครบวาระ 4 ปี และออกจากธนาคารกรุงไทยในปลายปี 2559 บริษัทมียอดขายเติบโตเป็น 20,000 ล้านบาท และบริษัทยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ในดัชนี SET 100 และมี Market Cap ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยมี Price Waterhouse เป็นผู้สอบบัญชี ถ้าดูจากตัวเลข บริษัทมีการเติบโตของยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต”

นายวรภัค ยังกล่าวชี้แจงว่า กรณี EARTH ไม่เหมือนบริษัท STARK เนื่องจากในช่วงที่เป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย EARTH ไม่เคยถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีการตกแต่งบัญชีใดๆ ทั้งนี้ ยอดขายและทรัพย์สินของ EARTH มีอยู่จริง โดยเฉพาะตอนที่บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ได้

“บริษัทที่ออกหุ้นกู้ได้ต้องมีเครดิตดีพอสมควร EARTH ได้รับ Credit Rating ในระดับ BBB+ และการออกหุ้นกู้ต้องทำ Filing กับ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นข้อมูลเปิดเผยที่แสดงให้เห็นถึงทรัพย์สินและหนี้สิน มีการยืนยันว่าทรัพย์สิน เช่น เหมืองถ่านหิน มีอยู่จริง ตรงตามข้อมูลที่ธนาคารกรุงไทยมี“

นายวรภัค กล่าวว่า ตนพ้นวาระจากกรุงไทยปลายปี 2559 แต่ EARTH กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อย่างฉับพลันในเดือนพฤษภาคม ปี 2560 ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเป็นลูกค้าที่ดีมาตลอด ไม่เคยชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นช้าแม้แต่ครั้งเดียว การที่ลูกค้ารายใหญ่กลายเป็น NPL ในทันทีจากประสบการณ์ 30 ปีในวงการธนาคาร ถือว่าผิดปกติ เนื่องจากปกติลูกค้ารายใหญ่จะแสดงอาการกระท่อนกระแท่นเป็นปีหรือสองปีก่อนจะเป็น NPL

ทั้งนี้ หากอ้างอิงเอกสารในสำนวนของป.ป.ช. ซึ่งเป็นรายงานที่จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน Ernst & Young (EY) โดยธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ว่าจ้างมาศึกษาแผนฟื้นฟู รายงานดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนว่า ธุรกิจและอุตสาหกรรมของบริษัทไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นของบริษัทเกิดจากวิกฤตสภาพคล่อง ที่เจ้าหนี้รายใหญ่ได้ทำการดึงวงเงินอย่างฉับพลันทำให้เกิดวิกฤตสภาพคล่อง