ป.ป.ช.ฟันจริยธรรมร้ายแรง "ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์" ถือที่ ส.ป.ก. มิชอบ

03 ก.ย. 2568 | 07:56 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2568 | 08:06 น.

ป.ป.ช. มีมติฟัน “ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์” อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พปชร. ฐานครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ทั้งที่ไม่ใช่เกษตรกร เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ส่งศาลฎีกาชี้ขาด

KEY

POINTS

  • ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต สส.กำแพงเพชร
  • กรณีครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร แต่ยังคงถือครองที่ดินหลังเข้ารับตำแหน่ง สส.
  • ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัย ซึ่งหากศาลพิพากษาว่ามีความผิด อาจถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

วันนี้ (3 ก.ย. 68) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร กรณีครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จากการไต่สวนพบว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ ได้เข้าครอบครองที่ดินจำนวน 2 งาน 88 ตารางวา ตั้งแต่ปี 2539 ในพื้นที่หมู่ 5 ต.โพธิ์ทอง อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ซึ่งต่อมาคือ บ้านปางสามัคคี หมู่ 16 ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสรรให้เกษตรกรตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน

ต่อมาในปี 2562 หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็น สส. และเข้าปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้มาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังคงครอบครองที่ดินดังกล่าว ทั้งที่รู้ตัวว่าไม่มีคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก อีกทั้งมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพแล้ว 

แม้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร ประกาศให้ผู้ครอบครองมาดำเนินการยื่นคำขอ หรือ ส่งคืนที่ดิน แต่ พ.ต.ท.ไวพจน์ กลับเพิกเฉย ไม่แจ้งการครอบครอง หรือส่งคืนตามกฎหมาย

ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง เข้าข่ายทำให้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ตามข้อ 17 และข้อ 27 แห่งมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2561 จึงมีมติส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87

ทั้งนี้ หากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ หรือกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าว ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตลอดไป