ศาลรับฟ้อง “เบน สมิธ”ฟ้อง“รังสิมันต์ โรม”หมิ่นฯ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน

06 ต.ค. 2568 | 06:04 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2568 | 06:30 น.

ศาลอาญาประทับรับฟ้อง “เบน สมิธ” ฟ้อง “รังสิมันต์ โรม” หมิ่นประมาท 100 ล้านบาท ปมอภิปรายพาดพิง นัดไต่สวน 24 พ.ย.นี้ ยืนยันไม่ได้ฟ้องปิดปาก

KEY

POINTS

  • นายเบน สมิธ ยื่นฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ซึ่งศาลได้รับฟ้องแล้ว
  • การฟ้องร้องมีสาเหตุมาจากการที่ นายรังสิมันต์ โรม อภิปรายกล่าวหาว่านายเบน สมิธ เป็นสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และเกี่ยวข้องกับทุนสีเทา
  • ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 24 พ.ย. และศาลแพ่งนัดไกล่เกลี่ยเพื่อชี้สองสถานในวันที่ 15 ธ.ค.
  • ทนายของ นายเบน สมิธ ยืนยันว่าลูกความไม่มีหมายจับและไม่ได้หลบหนี และบุคคลที่ ก.ล.ต. กล่าวถึงเป็นคนละคนกัน

นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ รับมอบอำนาจจาก นายเบน สมิท (Benjamin Mauerberger) ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา พร้อมทั้งฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท

ล่าสุด วันที่ 6 ต.ค. 2568 เวลา 10.30 น. ที่ ศาลอาญารัชดา นายธนดล แถลงข่าว และแสดงหลักฐานต่อสื่อมวลชน ระบุว่า วันนี้ตนได้รับมอบอํานาจมาจากนายเบน สมิธ ให้มาฟ้องร้องดําเนินคดีกับนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กรณีเมื่อวันที่ 30 กันยายน มีการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายโรม ก็ได้อภิปรายกล่าวหาว่า นายเบน สมิธ ว่าเป็นสแกมเมอร์ เป็นคอลเซ็นเตอร์ และเป็นทุนสีเทา ซึ่งทําให้เกิดความเสียหายต่อตัวของนายเบน สมิธ อย่างมาก

นายเบน สมิธ ได้มอบอำนาจให้ตนมายื่นฟ้องต่อศาลทั้งทางอาญา และ ทางแพ่ง โดยเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งวันนี้ศาลได้ประทับรับฟ้องทั้ง 2 ส่วนแล้ว โดยศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ส่วนคดีแพ่ง ศาลแพ่งนัดชี้สองสถาน ทั้งฝั่งโจทก์ และจำเลยมาไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 15 ธันวาคมนี้  

นายธนดล ยืนยันว่า นายเบน สมิธ ไม่มีหมายจับในประเทศไทย และหมายจับสากล และปัจจุบันยังคงอยู่ในประเทศไทยไม่ได้หลบหนี ตามที่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวอ้าง แต่เป็นการเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจเท่านั้น ส่วนนายโรม กล่าวหาว่า นายเบน ไปอยู่เบื้องหลังเครือข่ายสแกมเมอร์ และฟอกเงินจากประเทศกัมพูชามายังประเทศไทยนั้น หากมีหลักฐานก็ไปแจ้งความเอาผิดได้  

ส่วนกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม อ้างว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ว่า ในปี 2564 เคยมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ เบน สมิธ และแอบแฝงเป็นกิจกรรมลักษณะหลอกลวงการลงทุน โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น

นายธนดล ได้แสดงหลักฐาน ยืนยันว่า รายชื่อที่ปรากฏในข้อมูล ก.ล.ต. เป็นคนละคนกับ นายเบน สมิธ แต่มีชื่อใกล้เคียงกัน ยืนยันไม่ได้ฟ้องปิดปาก และไม่ได้มาในฐานะคนสนิทกับ ร.อ.ธรรมนัส แต่มาในฐานะตัวเองเป็นที่ปรึกษาของนายเบน  

การที่ นายเบน ถูกระบุว่า เป็นที่ปรึกษา ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชานั้น ยอมรับว่า ในอดีตเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลกัมพูชาจริง และรู้จักกับนักการเมืองของประเทศกัมพูชาหลายคน แต่อยู่ในฐานะที่ปรึกษารัฐบาล ไม่เคยได้รับเงินหรือค่าจ้างจากรัฐบาลกัมพูชาแต่อย่างใด  

ส่วนสัญชาตินายเบน ขณะนี้ยังคงถือสัญชาติกัมพูชา แต่ได้มีธุรกิจทั้งอสังหาริมทรัพย์ เป็นนายหน้าขายเครื่องบิน และขายเรือ ในประเทศไทย , สิงคโปร์ และ อีกหลายประเทศ จึงไม่แปลกที่ นายเบน จะรู้จักนักการเมืองในไทยหลายคน  

กรณีที่ นายโรม พูดถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เป็นเพียงแค่การตั้งคำถาม ยังไม่ได้กล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงยังไม่ได้ฟ้องเป็นการส่วนตัว และ ร.อ.ธรรมนัส จะเข้าชี้แจงต่อประธานกรรมาธิการความมั่นคง แห่งรัฐกิจการชายแดนไทย ในการปฎิรูปประเทศ หรือ กมธ.ปกครอง ในการประชุม วันที่ 9 ธันวาคมนี้