KEY
POINTS
วันที่ 3 ตุลาคม 2569 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพธุรกิจ จัดงาน Sustainability Expo 2025 : A Call for Adaptation – The Sustainability in Trade & Industry โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมปาฐกถาในหัวข้อ “ยกระดับอุตสาหกรรม–การค้า–การลงทุนสู่ความยั่งยืน”
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยคือ “ไข่แดงแห่งอาเซียน” ด้วยทำเลยุทธศาสตร์ที่ผู้เดินทางทั้งตะวันตกและตะวันออกต้องผ่าน จึงไม่ควรเป็นเพียง “ทางผ่าน” เก็บค่าธรรมเนียม แต่ต้องดึงดูดให้ผู้คนและนักลงทุนแวะพัก ใช้จ่าย ผลิต และลงทุนในประเทศ เนื่องจากไทยมีศักยภาพสูงสุดทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ วัฒนธรรม และความสงบในศาสนา
นายกฯ ย้ำว่า “การเมืองไทยมีเสถียรภาพ” แม้ยังต้องปรับให้รัฐบาล “เป็นตัวของตัวเอง” มากขึ้น โดยเฉพาะในการบริหารจัดการกับกลุ่มทุน “ช่วยได้ สนับสนุนได้ ออกมาตรการให้ได้ แต่ห้ามให้ทุนชี้นำ” เพื่อเปิดทางให้เกิดการแข่งขันที่แท้จริง ไม่ใช่ปล่อยให้บางกลุ่มเป็น “เสือนอนกิน” โดยมั่นใจว่า ปัจจัยทั้งในและนอกประเทศจะผลักดันไทยสู่มาตรฐานสากลและเพิ่มธรรมาภิบาล
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวถึงบทบาทไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้านว่า สหรัฐอเมริกาเสนอให้ไทยมีส่วนร่วมในการเจรจาเพื่อรักษาความสงบในภูมิภาค แต่รัฐบาลไทยก็พร้อมตอบสนองหากมีข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ เช่น “การลดภาษีสินค้า” โดยระบุว่า “เพื่อความสงบสุขของโลก ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ไทยไม่เสียอะไร แต่ได้ประโยชน์เพิ่ม”
ด้านนโยบายพลังงาน นายอนุทินเผยว่า รัฐบาลเดินหน้า “โซลาร์มวลชน” โดยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับซื้อไฟฟ้าจากชุมชน เพื่อนำรายได้กลับไปพัฒนาหมู่บ้าน นโยบายนี้ริเริ่มมาตั้งแต่ครั้งที่ตนเป็น รมว.มหาดไทย และจะเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นจริงในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “นายกฯ สั่ง มท.1 ได้เต็มที่ และ มท.1 ก็จะปฏิบัติเต็มที่เช่นกัน”
ช่วงท้าย นายกฯ ย้ำว่า ประเทศไทยยังมีอนาคต ไม่ใช่ว่าไร้ทิศทาง แม้อาจมีการเมืองสะดุดบ้าง แต่หากประชาชนยึดความรัก ความสามัคคี นักการเมืองก็ไม่กล้าขัดแย้ง “อย่าให้นักการเมืองมานำประชาชน ประชาชนต่างหากที่ต้องนำการเมือง”