ราชกิจจาฯ ประกาศ 'นโยบายรัฐบาลอนุทิน' ยาว 38 หน้า ชู 3 หลักการใหญ่

วันที่ 29 กันยายน 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยเผยแพร่คำแถลงนโยบายรัฐบาลของคณะรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต่อรัฐสภา ที่แถลงต่อรัฐสภา โดยมีทั้งหมด 38 หน้า

ตามที่ได้นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

รัฐบาลภายใต้การนำของตนจะบริหารประเทศโดยยึดหลัก 3 ประการ ได้แก่

1.พิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

3.บริหารราชการด้วยหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ประชาชน

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลเข้ามาทำงานท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยรัฐบาลเสียงข้างน้อยและไม่ได้จัดทำงบประมาณเอง จึงต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ประชาชนกำลังเผชิญ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และสิ่งแวดล้อมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนการทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยรับฟังเสียงประชาชนและทุกภาคส่วน เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

                  
สำหรับนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจ นายอนุทินได้ประกาศมาตรการสำคัญ อาทิ

• สร้างรายได้ ลดรายจ่ายประชาชน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง ควบคู่การเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง” และการบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับเหมาะสม รวมถึงการส่งเสริม Reskill-Upskill เพิ่มผลิตภาพแรงงาน
• แก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยช่วยหนี้รายบุคคลไม่เกิน 100,000 บาท และเพิ่มสภาพคล่อง SMEs รายละไม่เกิน 1,000,000 บาท พร้อมส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
• เพิ่มโอกาสออม ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น รวมทั้งพัฒนาสลากเพื่อการออม
• ฟื้นความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว ทั้งมาตรการด้านความปลอดภัย ปราบโกงนักท่องเที่ยว กระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติพำนักระยะยาว
• ร่งแก้ปัญหาสงครามการค้า ด้วยการจัดตั้ง “ทีมไทยแลนด์” เดินหน้าเจรจาการค้าเสรี ขยายตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ และลาตินอเมริกา พร้อมผลักดันไทยเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD
• สนับสนุนผู้ประกอบการและเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และแก้ปัญหาสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงการป้องกันการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ก่อมลพิษข้ามพรมแดน
• สร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนทันสมัย โดยปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุน โปร่งใส เอื้อต่อการแข่งขัน และส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์สมัยใหม่ พลังงานสะอาด อาหารอนาคต และชีวภาพ   

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะมุ่งสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใสและยั่งยืน พร้อมสร้างความมั่นคงและสันติสุขแก่บ้านเมือง ขณะเดียวกันก็จะดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

คลิกดูเพิ่มเติมจากราชกิจจานุเบกษา