วันนี้ (29 กันยายน 2568) นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน ว่า ล่าสุด นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาออกโครงการมาช่วยเหลือประชนที่ประสบปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะการพักชำระหนี้
ทั้งนี้ในรายละเอียดเบื้องต้นของโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินนั้น จะเน้นไปที่การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน โดยต้องเป็นผู้ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ครอบคลุมประมาณ 1 – 2 ล้านสิทธิ์ โดยเป็นลักษณะของการพักชำระหนี้และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ย
สำหรับผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการนั้น เบื้องต้นจะจะครอบคลุมลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
“มาตรการนี้จะมีการพักชำระหนี้และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ อีกทั้งรมว.คลัง ยังมีแนวทางการแก้หนี้เสีย หรือ ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังอีกครั้ง เร็ว ๆ นี้"
ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนนั้น ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยหนึ่งใน 15 นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม ระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ แบ่งเป็น
1.หนี้ภาคประชาชน โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทำให้คนไทยติดกับดักหนี้
2.เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึง แหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระหนี้โดยสม่ำเสมอ การให้ความรู้ทางการเงิน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจ ให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่
นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมเพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อยให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ สลากเพื่อการออม โดยกันเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้ด้วย