พรรคเพื่อไทยจ้องงัดปม“รมต.ปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชั่น”ถล่มรัฐบาล

21 ก.ย. 2568 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2568 | 08:37 น.

พรรคเพื่อไทยเล็งอภิปรายนโยบายรัฐบาลอนุทิน ล็อก 2 ประเด็น บริหารราชการแผ่นดิน-คุณสมบัติรัฐมนตรี หวั่น “รมต.ปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชั่น”ขวางตรวจสอบเขากระโดง-ฮั้ว สว.

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทยเตรียมอภิปรายนโยบายรัฐบาล ตรวจสอบคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยพุ่งเป้าไปที่ความโปร่งใสและผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มรัฐมนตรีที่ถูกเรียกว่า “ปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชั่น”
  • การอภิปรายจะเน้นตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี โดยจะหยิบยกประเด็นคดีเก่ามาพิจารณา เช่น คดีบุกรุกที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้ว สว.
  • จะมีการตั้งคำถามถึงที่มาของรัฐบาลเสียงข้างน้อย 4 เดือน และความเชื่อมโยงกับคดีความต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงท่าทีต่อรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทยว่า สิ่งที่ประชาชนกังวล คือ ความสุจริตและความโปร่งใสของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ปรากฏรายชื่อออกมา โดยหลายคนถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน และเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมือง 

ไม่เพียงแต่รัฐมนตรีที่เคยถูกมองว่าเป็น “สายล่อฟ้า” ในอดีต แต่ครั้งนี้ยังถูกตั้งฉายาใหม่ว่า “รัฐมนตรีปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชั่น” ซึ่งอาจสร้างปัญหาในการตรวจสอบและการดำเนินคดีของหน่วยงานต่างๆ

 

พรรคเพื่อไทยจึงได้เตรียม สส.เพื่อเก็บข้อมูลอย่างรอบด้าน แยกเป็น 2 กลุ่มหลักสำหรับการอภิปรายวาระแถลงนโยบาย ได้แก่

การบริหารราชการแผ่นดิน : โดยเฉพาะการทำงานในกรอบเวลา 4 เดือน ตามที่รัฐบาลภูมิใจไทยทำสัญญาทางการเมืองไว้กับพรรคประชาชน รวมทั้งประเด็นการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างใหม่ทั้งฉบับควบคู่กับการเลือกตั้งครั้งหน้า

คุณสมบัติรัฐมนตรี : โดยจะหยิบยกทั้งความรู้ ความสามารถ และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อาทิ คดีบุกรุกที่ดินเขากระโดง คดีฮั้ว สว. รวมถึงรัฐมนตรีที่เคยถูกชี้มูลความผิดโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ยังได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใน ครม. ผ่านแรงสนับสนุนทางการเมืองจาก “ตั๋วช้างสีส้ม” ของพรรคประชาชน

นายชนินทร์ กล่าวด้วยว่า ไฮไลท์สำคัญของการอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นการตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาถึงที่มาของรัฐบาลเสียงข้างน้อย 4 เดือนว่า มีส่วนเชื่อมโยงกับคดีฮั้ว สว. และกรณีที่ดินเขากระโดงหรือไม่ เพราะหากกระบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามกลไกปกติ เรื่องดังกล่าวอาจนำไปสู่ “จุดจบของพรรคการเมืองบางพรรค” เลยทีเดียว