คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รัฐบาลนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล หรือ “ครม.อนุทิน1” ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อย 36 คน โดยมีทั้งรัฐมนตรีหน้าเก่า-หน้าใหม่ โควตาพรรคการเมือง และโควตาคนนอก ผสมผสาน เพื่อบริหารราชการแผ่นดินในห้วงเวลาตามคำมั่นสัญญา 4 เดือน ก่อนยุบสภาเปิดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่
โฉมหน้า-หน้าตา ครม.อนุทิน ครั้งนี้ นับเป็นอีกครั้งที่เห็นรายชื่อรัฐมนตรีจาก “บ้านใหญ่” ตบเท้าเข้าร่วมวงกันเพียบ หลายภาค ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศ และสร้างอำนาจทางการเมือง ตอบแทน-รักษาฐานเสียง เพื่อรอสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ปีหน้า
ฐานเศรษฐกิจ รวบรวมข้อมูล รัฐมนตรีจากโควตา บ้านใหญ่ โดยมีกลุ่มการเมืองคนสำคัญที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลต่อการเมืองท้องถิ่นตบเท้าเข้าร่วมรัฐบาลดังนี้
บ้านใหญ่บุุรีรัมย์ ฐานที่มั่นแห่งพรรคภูมิใจไทย รัฐบาลอนุทิน ตั้ง "ไชยชนก ชิดชอบ" สส.จังหวัดบุรีรัมย์ เขต 2 ลูกชายคนโตของ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ กรุณา ชิดชอบ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หน้าใหม่
พ่วงตำแหน่งเลขาธิการพรรค คนที่ 3 สืบทอดอิทธิพลตระกูลชิดชอบแห่งบ้านใหญ่บุรีรัมย์ และยังเป็น สส.จังหวัดบุรีรัมย์ รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิดชอบ ต่อจากชัย ชิดชอบ ผู้เป็นปู่ และเนวิน ผู้เป็นพ่อ
โดยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป เมื่อปี 2566 ไชยชนก ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขต 2 และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยแรก
บทบาทสำคัญของไชยชนก ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ไชยชนก ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอชื่ออนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวในบัญชีที่พรรคภูมิใจไทยแจ้งไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ด้วย
บ้านใหญ่ภาคใต้ นำโดย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีหลายสมัย เป็นแม่ทัพภาคใต้พรรคภูมิใจไทย รอบนี้ได้ตำแหน่งใหญ่เป็น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกรดเอบวก ด้วยพื้นเพที่หยั่งรากลึกในภาคใต้ มีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และมีบทบาทสำคัญในการดึงกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้าร่วม
ที่ผ่านมาพิพัฒน์ เป็นผู้ให้การต้อนรับกลุ่มการเมือง "บ้านใหญ่" ต่าง ๆ ที่ย้ายเข้ามาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เช่น กลุ่มของนายชุมพล จุลใส อดีต สส. ชุมพร และทีม "พลังชุมพร" รวมทั้งมีข่าวทาบทามบ้านใหญ่ตระกูลดังภาคใต้เข้าร่วมพรรคเพิ่มเติม เช่น ตระกูล "กาญจนะ" จากสุราษฎร์ธานี, ตระกูล "โล่สถาพรพิพิธ" จากตรัง และ กลุ่มของนายนิพนธ์ บุญญามณี จากสงขลา โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การคว้าที่นั่ง สส. ในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า
อีกโควตาบ้านใหญ่สำคัญภาคใต้ที่เข้ามาร่วมวงครม.อนุทิน เรียบร้อย นั่นคือ “ศศิธร กิตติธรกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ป้ายแดง ลูกสาวนายสมศักดิ์ กิตติธรกุล หรือ "โกหงวน" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กระบี่หลายสมัย และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายกิตติ กิตติธรกุล สส. กระบี่ เขต 1 สังกัดพรรคภูมิใจไทย
เริ่มต้นด้วย “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลูกสาวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ บ้านใหญ่แห่งจังหวัดอุทัยธานี ในรัฐบาลก่อนหน้า ซาบีดา เคยนั่งเป็นรมช.มหาดไทย หนึ่งในกระทรวงใหญ่ โดยรับไม้ต่อจากพ่อ มีดีกรีปริญญาตรีนิติศาสตร์ ม.อัสสัมชัญ และ ป.โท กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ม.เวสต์มินสเตอร์ (ลอนดอน) นับเป็นหนึ่งบ้านใหญ่ภาคกลางที่มีเครือข่ายฐานเสียงทางการเมืองท้องถิ่นกว้างขวาง ทั้งในระดับ อบจ.และเทศบาล
อีกหนึ่งบ้านใหญ่ คือ “สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็น สส. พระนครศรีอยุธยา และทายาท "ซ้อสมทรง พันธ์เจริญวรกุล" นายก อบจ. และบ้านใหญ่แห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในช่วงรัฐบาลเพื่อไทย สุรศักดิ์ เคยนั่งเป็น รมช.ศึกษาธิการ ก่อนจะลาออกพร้อมพรรคภูมิใจไทยในสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
ถัดไปอีกหนึ่งโควตารัฐมนตรีบ้านใหญ่ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น สส. อ่างทอง และเป็นลูกชายของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล บ้านใหญ่แห่งจังหวัดอ่างทอง ที่ผ่านมาเขาเคยนั่งในตำแหน่งสำคัญ ๆ ทั้งอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ของสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 อดีตรองหัวหน้าและอดีตโฆษกพรรคภูมิใจไทย
โควตาสำคัญอีกคน คือ “นภินทร ศรีสรรพางค์” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นบ้านใหญ่แห่งจังหวัดราชบุรี อดีตรมช.พาณิชย์ เริ่มเข้าสู่การเมืองในระดับท้องถิ่นเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองราชบุรี และมีบทบาทการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น พร้อมทั้งยังเป็นผู้บริหารธุรกิจตลาดค้าส่งในพื้นที่ด้วย
อีกหนึ่งรัฐมนตรีป้ายแดง “มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็น สส. ลพบุรี เป็นลูกสาวของนายกมล จิระพันธุ์วาณิช อดีต สส. บ้านใหญ่แห่งจังหวัดลพบุรี 8 สมัย และเป็นน้องสาวของนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี ด้วย
พรรคนี้มี "ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า" เป็นแกนนำสำคัญ ซึ่งตระกูลพรหมเผ่าถือเป็นบ้านใหญ่ของจังหวัดพะเยา รัฐมนตรีในโควตาพรรคนี้ส่วนใหญ่เป็นสายตรงของร้อยเอกธรรมนัส ยกเว้นบางตำแหน่งที่มาจากโควตาบ้านใหญ่อื่น
โดยในรัฐบาลอนุทิน ร้อยเอกธรรมนัส ได้รับหวนกลับมานั่งเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เข้ามานั่งรัฐมนตรียุครัฐบาลแพทองธาร แต่การกลับมารอบนี้ ได้ตำแหน่งใหญ่เป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้ง “อัครา พรหมเผ่า” น้องชาย ที่นั่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
อีกโควตาบ้านใหญ่พรรคกล้าธรรม คือ “องอาจ วงษ์ประยูร” สส.จังหวัดสระบุรี 4 สมัย และอดีตนายกเทศมนตรีตำบลพระพุทธบาท เข้ามานั่งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังได้รับการเสนอชื่อร่วมครม.ในโควตาบ้านใหญ่สระบุรี โดยเป็นลูกของนายบัญญัติ วงษ์ประยูร อดีต สส.สระบุรี และนางทองอยู่ วงษ์ประยูร
ขณะที่บ้านใหญ่จากพรรคพลังประชารัฐ มี “ตรีนุช เทียนทอง” เข้ามานั่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในโควตา "บ้านใหญ่สระแก้ว" ของตระกูลเทียนทอง ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และสส.จังหวัดสระแก้ว ในอดีตเคยนั่งเป็น รมช.ศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อีกหนึ่งบ้านใหญ่ คือ “พัฒนา พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลูกชายของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์ เช่นเดียวกับ “วรโชติ สุคนธ์ขจร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการเสนอชื่อในโควตา "ซุ้มมะขามหวาน" ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองในจังหวัดเพชรบูรณ์
อีกหนึ่งคนที่กลายมาเป็นบ้านใหญ่แห่งภาคตะวันออก คือ “สุชาติ ชมกลิ่น” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นผู้นำกลุ่มการเมืองของตนเอง เป็นบ้านใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในจังหวัดชลบุรี เขาเริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เขตอำเภอเมืองชลบุรี
ก่อนได้รับเลือกตั้งเป็น สส. ครั้งแรกในปี 2554 สังกัดพรรคพลังชล และเป็นสส.อีกสมัย ในปี 2562 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะเข้ามานั่งเป็น รมว.แรงงานในรัฐบาลลุงตู่ และเป็น รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลเศรษฐา ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ
อย่างไรก็ตามการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีใน "ครม.อนุทิน 1" แสดงให้เห็นว่า แม้ภูมิทัศน์การเมืองไทยจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่กลุ่ม "บ้านใหญ่" ยังคงเป็นตัวแสดงที่มีความสำคัญและมีบทบาทอย่างยิ่งในการจัดตั้งรัฐบาลและสร้างสมการอำนาจทางการเมืองของประเทศ