KEY
POINTS
การเมืองไทยกำลังกลับมาจับตา “พรรคประชาธิปัตย์” (ปชป.) อีกครั้ง หลังจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้พรรคต้องเลือกผู้นำใหม่
ล่าสุด “ประชาธิปัตย์” ได้ฤกษ์วันประชุมใหญ่วิสามัญ เสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และ คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดใหม่ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ
การประชุมดังกล่าวมีความหมายมากกว่าการเปลี่ยน “หัวหน้า” หรือ “กรรมการบริหาร” เพราะนี่คือจังหวะสำคัญในการฟื้นฟูศรัทธา หลังพรรคเผชิญวิกฤติหนัก ทั้ง ความขัดแย้งภายใน และ การไหลออกของอดีตแกนนำ-ส.ส.หลายกลุ่ม ที่กระทบฐานเสียงโดยตรง
นายประมวล พงศ์ถาวราเดช รักษาการหัวหน้าพรรค ยืนยันว่า การประชุมจะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม โดยต้องมีผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 250 คน พร้อมระบุชัดว่า “นี่คือภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้จบ” เพื่อส่งมอบตำแหน่งหัวหน้าและทีมบริหารชุดใหม่
แม้ยังไม่เปิดเผยรายชื่อแคนดิเดต แต่ชื่อที่ถูกหยิบยกในสื่อมวลชนคือ บุคคลที่หลายฝ่ายจับตา เช่น กลุ่มอดีตผู้บริหารพรรคบางส่วน และคนรุ่นใหม่ที่อาจถูกดันขึ้นมาเป็นตัวแทนความเปลี่ยนแปลง
หยุดเลือดไหล-สมานรอยร้าว
สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ คำถามถึง “ความเป็นเอกภาพ” ของพรรคที่ยืนยาวมากว่า 7 ทศวรรษ หลังผ่านการแตกหักและย้ายค่ายของอดีตแกนนำจำนวนไม่น้อย
นายประมวล มองว่า ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ผู้นำชุดใหม่ว่า จะ “เปิดกว้าง” แค่ไหน และสามารถดึงทุกฝ่ายให้กลับมารวมพลังกันได้หรือไม่ พร้อมย้ำว่า ครั้งนี้ “ไม่มีรอยร้าว” แต่คือบทเรียนที่ทุกคนต้องเรียนรู้และเดินต่อไปด้วยกัน
ทำไมประชาธิป้ตย์ตกต่ำ?
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า การที่ “ประชาธิปัตย์” ร่วงลงมาเหลือเพียง 25 สส. (เลือกตั้ง 2566) มีเหตุผลสำคัญ 5 ประการ
1.จุดยืนทางการเมืองไม่ชัด
2.กระแสพรรคตกต่ำ ไม่ดึงดูดคนรุ่นใหม่
3.บ้านใหญ่แตกตัว ถูกดูดไปพรรคอื่น
4.ขาดกระสุนทางการเมืองในการต่อสู้
5.เอกภาพภายในพรรคสั่นคลอน
ภารกิจชุบชีวิตพรรคเก่าแก่
ในมิติการเมืองระดับประเทศ การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ถือเป็น จุดชี้ชะตาของ “ประชาธิปัตย์” เพราะคะแนนนิยมที่ถดถอยต่อเนื่องในหลายการเลือกตั้ง ทำให้ถูกตั้งคำถามว่า พรรคยังสามารถเป็น “เสาหลักประชาธิปไตย” ได้จริงหรือไม่
4 โจทย์ใหญ่ของหัวหน้าพรรคคนใหม่คือ
1.ฟื้นศรัทธาฐานเสียงดั้งเดิม
2.ดึงคนรุ่นใหม่กลับมาเชื่อมั่น
3.วางยุทธศาสตร์หยุดการย้ายพรรคของ สส.
4.สร้างภาพลักษณ์ว่าประชาธิปัตย์ยังเป็น “พรรคทางเลือก” ของประชาชน
3 ตัวเต็งชิงหัวหน้าพรรค
การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ มี 3 ชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างจริงจัง
1.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรค ได้แรงหนุนจาก “กลุ่มนายชวน หลีกภัย - นิพนธ์ บุญญามณี - สส.เก่าที่สอบตกและลาออก - FC รวมถึงสมาชิกรุ่นใหม่”
จุดแข็งของอภิสิทธิ์คือ “ชื่อชั้น” และ ภาพลักษณ์ความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แม้ไม่ใช่สินค้าใหม่ แต่ยังพอขายได้ โดยเฉพาะการยึดฐานเสียงภาคใต้และภาคกลาง
2.กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีคลัง ได้แรงหนุนจาก “กลุ่มสส.เก่า กรรมการบริหารพรรค และเครือข่ายกรรมการสาขา” แม้เคยแยกตัวไปตั้งพรรคกล้า แต่กลับมาอีกครั้งพร้อมภาพลักษณ์ด้านเศรษฐกิจและความเป็นมืออาชีพ
3.“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นักธุรกิจหญิงผู้มีบทบาทในวงการกีฬาและสังคม ถูกมองว่าเป็น “แม่เหล็กใหม่” ที่สามารถสร้างความคึกคัก โดยได้รับแรงหนุนจาก “สส.รุ่นใหม่ - กรรมการบริหารพรรค และ ส.ก.กทม.” หากได้ลงสนามจริง จะถือเป็นการพลิกเกมทางการเมืองครั้งใหญ่ของพรรค
“อภิสิทธิ์”ยังขายได้?
แม้ “ประชาธิปัตย์” จะเหลือเพียง 25 ที่นั่ง และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพียง 9 แสนเสียง ในการเลือกตั้งปี 2566 แต่ย้อนกลับไปยุคที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำทัพสู้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคยังเคยกวาดได้ถึง 50 ที่นั่ง และ ปาร์ตี้ลิสต์ 4-5 ล้านเสียง (จากที่เคยสูงสุด 12 ล้านเสียงก่อนหน้านั้น)
จุดแข็งของ อภิสิทธิ์ คือ “ยังมีทุนความนิยมอยู่” และหากประกอบกับทีมงานใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ อาจเป็นโอกาสในการฟื้นฟูและรวมพลังของพรรค
ทางสองแพร่ง ปชป.
ประชาธิปัตย์กำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่งระหว่าง “การกลับไปพึ่งอดีต” กับ “การสร้างแบรนด์ใหม่” หากเลือก อภิสิทธิ์ พรรคจะได้ผู้นำที่มีบารมีและประสบการณ์ แต่ไม่ใช่แม่เหล็กใหม่
ขณะที่ กรณ์ และ มาดามแป้ง อาจเป็นทางเลือกในการรีแบรนด์ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะดึงคะแนนนิยมกลับมาได้จริง
ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเลือกตัวบุคคล แต่คือ การกำหนดอนาคตของพรรคเก่าแก่ ว่าจะยืนหยัดต่ออย่างไร ในสมรภูมิการเมืองไทยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และขับเคี่ยวกันอย่างหนัก...
เสียงสะท้อนคนประชาธิปัตย์
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจว่า “อภิสิทธิ์ เป็นบุคคลที่มีอุดมการณ์ รักษาสัจจะคำพูด และเหมาะสมที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ทั้ง กรณ์ และมาดามแป้ง ก็มีความเหมาะสมเช่นกัน พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายมีความสามัคคี”
นายประกอบ รัตนพันธ์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมีกระแสข่าวว่า มีการไปทาบทาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นหัวหน้าพรรค และทาบทาม นายกรณ์ จาติกวณิช, นางนวลพรรณ ล่ำซำ (มาดามแป้ง) ว่า นายอภิสิทธิ์ นั้นประชาชนเรียกร้องมานานแล้ว เป็นหัวหน้าที่มีอุดมการณ์ชัดเจน สมาชิกส่วนใหญ่เห็นชอบว่า นายอภิสิทธิ์ มีความเหมาะสม ที่จะมากอบกู้วิกฤตพรรคในยามที่พรรคตกต่ำ ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะในเขตของตน ก็ดีใจมากที่ทราบว่านายอภิสิทธิ์จะกลับมา
เมื่อถามย้ำว่ามีความชัดเจนแล้วหรือไม่ที่ นายอภิสิทธิ์ จะกลับมาพรรคประชาธิปัตย์ นายประกอบ กล่าวว่า ยังไม่มีใครรับปาก เพียงแต่ว่า สมาชิกพรรคก็ไปสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม ซึ่งประชาธิปัตย์ก็มีหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นายกรณ์ มาดามแป้งหรือ นายอภิสิทธิ์ ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรค
ถามว่าถ้า นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคจะเป็นนายกรณ์ หรือมาดามแป้ง จะช่วยเสริมพรรคมากขึ้นหรือไม่ นายประกอบ กล่าวว่า จริงๆ มีหลายคนที่มีความเหมาะสม ก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ขณะนี้ความชัดเจนยังไม่มี เพราะอยู่ในช่วงที่มีการทาบทามกันว่าใครมีความเหมาะสม
ส่วนตัวแทนพรรคที่ไปทาบทามนายอภิสิทธิ์ เป็นใครนั้น นายประกอบ กล่าวว่า จริงๆ ก็หลายคน โดยเฉพาะสมาชิกรุ่นเก่า ที่เคยทำงานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ที่มีการปรารภอยู่ตลอดเวลา ว่า ในยามแบบนี้นายอภิสิทธิ์มีความเหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำพรรค
รายงานพิเศษ โดย..ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4133